PoliticalView: คดี "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ = จุดเปลี่ยนการเมือง?

ข่าวการเมือง Thursday June 12, 2025 12:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

PoliticalView: คดี

กระแสการเมืองพุ่งเป้าไปที่วันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนเรื่องการรักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ หรือที่เรียกกันว่า "คดีป่วยทิพย์"

ย้อนรอยเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย นับตั้งแต่ นายทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 หลังลี้ภัยในต่างแดนยาวนานถึง 17 ปี การกลับมาครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และนายทักษิณ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาในหลายคดี

แต่ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ นายทักษิณ เข้าเรือนจำไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ถูกส่งตัวมาอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และไม่เคยย้อนกลับเข้าเรือนจำอีกเลย จนกลายเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดคำถามในสังคมว่า "นายทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่?" อีกทั้งยังมีการตั้งฉายา "นักโทษเทวดา" เพราะได้รับการปฎิบัติที่แตกต่างจากนักโทษรายอื่น ๆ

คดีนี้ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเรื่องเพื่อขอให้ไต่สวนกรมราชทัณฑ์ ที่อนุญาตให้ นายทักษิณ ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเข้ารับการรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล เป็นการผิดขั้นตอนทางกฎหมายหรือไม่ แต่ศาลฯ ไม่รับคำร้องของนายชาญชัย แต่รับเรื่องไว้ไต่สวนและเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาไต่สวนในวันพรุ่างนี้ (13 มิ.ย.)

ประเด็นนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยผลสอบชี้การกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รพ.ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีให้นายทักษิณ พักรักษาตัวอยู่นานถึง 181 วัน ขัดต่อหลักความเสมอภาค และเป็นการเลือกปฏิบัติ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยจัดส่งรายงานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเนื่องจากเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคล อันอาจเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

ขณะที่แพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ได้พิจารณาจริยธรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ กรณีการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรีแล้ว มีมติให้ลงโทษแพทย์ 3 ราย โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 ราย ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนอีก 2 ราย ถูกพักใบอนุญาตการประกอบเวชกรรม เนื่องจากให้ข้อมูลไม่ตรงกับที่คณะกรรมการฯ ได้รับ จากการที่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่านายทักษิณ มีอาการป่วยภาวะวิกฤตตามที่ได้มีการแถลงข่าว

แต่ก็ยังต้องรอผลของคณะกรรมการแพทยสภาในวันนี้ ( 12 มิ.ย.) อีกรอบ ว่าจะยืนมติเดิมนี้หรือไม่ หลังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ใช้สิทธิยับยั้ง (วีโต้) มติกรรมการแพทยสภาในการการลงโทษแพทย์ทั้ง 3 คน

ล่าสุด ทนายของนายทักษิณ ยืนยันว่า นายทักษิณ จะไม่ได้เดินทางไปศาลฎีกาในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ โดยได้มอบหมายทนายดำเนินการแทน พร้อมขอขยายเวลาการส่งคำชี้แจงเป็น 23 มิ.ย.68

ขณะที่ในมุมมองนักวิชาการอย่าง นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย มองว่า เป็นเรื่องที่นายทักษิณ จะต้องหากลยุทธ์หรือแทคติคในการต่อสู้คดีทุกรูปแบบ เพื่อเอาตัวรอดให้ได้

"นายใหญ่รอดแน่ อาจแค่ถูกกักบริเวณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะกติกาสากล ไม่มีคดีไหนที่ลงโทษ 2 ครั้ง ส่วนลูกน้องที่เคยช่วยนายใหญ่เพราะความอยากได้ใคร่ดี ก็ต้องพร้อมที่จะติดคุกอยู่แล้ว" นายธนพร กล่าว

แม้การไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.จะยังไม่ใช่วันชี้ขาด แต่เชื่อว่าประเด็นนี้ ย่อมจะส่งแรงสั่นสะเทือนทางการเมือง โดยเฉพาะต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้เป็นลูกสาวอย่างแน่นอน รวมทั้งบรรดารัฐมนตรีในกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารกรมราชทัณฑ์, กระทรวงยุติธรรม และยังอาจกระทบไปถึงความสัมพันธ์ของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งคงต้องเกาะติดกันต่อไปว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ