
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ล่าสุดมีการเสนอ "2 กระทรวง แลก 1 กระทรวง" ว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี บอกว่า "ไม่มี แล้วใครจะบอกว่ามี" ส่วนที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า รัฐมนตรีต้องพร้อมทำงานทุกกระทรวง มีนัยอะไรหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า "รัฐมนตรีก็ต้องพร้อมทำงานตลอดเวลา ถูกต้องแล้ว"
ส่วนเรื่องสัญญาใจ จะต้องยึดตามโควต้าที่เคยตกลงกันไว้หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างพวกเราไม่ต้องมี MOU สมัยก่อนที่จะมารวมกันในขั้วนี้ ก็ใช้เวลาเดือนกว่า กว่าจะทำ MOU กับพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ของพวกเราเป็นคนคุ้นเคย
"ตอนที่ท่านเชิญไปที่พรรคเพื่อไทย ที่ไปกินช็อกโกแลตมิ้นท์ เรื่อง MOU ไม่จำเป็น ความเข้าใจ ความเชื่อมั่นสำคัญกว่า ถ้าไม่เป็นไปตามข้อตกลง อีกหน่อยตั้งรัฐบาลก็ลำบาก เพราะต้องมานั่งเขียนสัญญากัน ยุ่งตายเลย เลือกตั้งเสร็จ แทนที่จะเร่งตั้งรัฐบาลจะต้องมานั่งดู อีกหน่อยต้องมานั่งเขียนว่าจะอยู่กันอย่างไร ต้องสนับสนุนกันอย่างไร มีการเปลี่ยนได้หรือไม่ เราไม่น่าจะทำอย่างนั้น" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยืนยันว่า ข้อตกลงยังเป็นข้อตกลงอยู่ และตนให้ความเคารพนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว นอกจากนี้ ทั้งตน และกระทรวงมหาดไทย ก็ไม่ได้ทำความเสียหายใดๆ ให้แก่รัฐบาล
"ต้องเป็นไปตามข้อตกลงของการจัดตั้งรัฐบาล...ผมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างออกนอกหน้ามาโดยตลอด ให้กำลังใจเชียร์ท่าน (นายกฯ) และพร้อมยืนเคียงข้างท่านในทุกสถานการณ์ ผมทำงานตามครรลองของคนที่ทำงานด้วยกันพึงจะกระทำ" นายอนุทิน กล่าว
พร้อมย้ำว่าหากไม่ได้กระทรวงมหาดไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
"ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว นายกฯ ต้องการกระทรวงมหาดไทย หรือ "ใครต้องการ" เพราะว่า ผมคุยกับนายกฯ เมื่อวาน มีหมอพรหมมินทร์ มีกันอยู่ 3 คน และไม่ได้มีเรื่องที่ออกมาเป็นข่าวเลย และผมก็เดินลงมา ผู้สื่อข่าวก็ถาม ผมก็บอกไม่มี พอเขาออกไปว่าไม่มีปุ๊บ มันก็เหมือนมีคนเขียนข่าวว่าต้องมี ก็คน ๆ นั้น ไม่ได้อยู่ในที่ ๆ หารือ ที่หารือมีอยู่ 3 คน ถ้าคุณหมอพรหมมินทร์ไม่ได้พูด ผมเชื่อว่าคุณหมอไม่ได้พูด ท่านนายกฯ ไม่พูดแน่นอน ผมก็ได้มาพูดให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าได้คุยอะไรในข้อสรุป มันก็มีอยู่แค่นี้" นายอนุทิน กล่าว
พร้อมปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าใครที่ต้องการกระทรวงมหาดไทย แต่เชื่อว่ามีความต้องการอะไรเกิดขึ้นแน่นอน เพราะทำไมต้องมาลงที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงนี้มีความสำคัญอะไรมากขนาดนั้น
ส่วนที่มองกันว่าจะเกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.พนันออนไลน์ หรือร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อจะขับเคลื่อนเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้นหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนจะโล่งอก ถ้าไม่ต้องไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะได้บอกกับนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าเรื่องการพนันออนไลน์ คณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันว่าไม่สามารถแก้กฎกระทรวงได้ แต่ไม่รู้มีใครไปรายงานว่า แค่กระทรวงมหาดไทยแก้กฎกระทรวง ก็เรียบร้อยแล้ว
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ยืนยันกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ขวาง พรรคยืนยันสนับสนุนนโยบายนายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาล โดยที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และศีลธรรมอันดี ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นชอบ พรรคภูมิใจไทยก็จะเห็นชอบด้วย
แต่ที่ผ่านมา พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคไม่เห็นชอบ เช่น พรรคประชาชาติ ทั้งนี้ ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบด้วยกันหมด พรรคภูมิใจไทยก็ไม่มีทางเลือกอื่น ก็ต้องเห็นด้วย แม้ในใจจะคิดอะไรก็แล้วแต่ ก็ได้บอกจุดยืนของพรรคให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว
- ต้องขอฉันทานุมัติจากลูกพรรคว่ายอมให้หลุดเก้าอี้ มท.1 หรือไม่
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการประชุมพรรคภูมิใจไทย เมื่อเย็นวานนี้ (16 มิ.ย.) ว่า ได้สื่อสารไปยังลูกพรรค ว่าขณะนี้มีกระแสข่าวที่มีความพยายามดึงกระทรวงมหาดไทยแลกกับกระทรวงอื่น ๆ ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะแลกกับกระทรวงอะไร ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง ต้องขอฉันทานุมัติจากสมาชิกพรรค ดังนั้น ขอให้ไว้วางใจในการตัดสินใจของตน ที่จะดำเนินการให้เป็นประโยชน์ที่สุดต่อพี่น้องประชาชน
"ลูกพรรคก็บอกว่าจุดนี้เปลี่ยนไม่ได้ ถ้าเปลี่ยน ก็กลายเป็นว่าพรรคภูมิใจไทยโดนอยู่พรรคเดียว ทั้งที่เป็นพรรคที่สนับสนุนรัฐบาลอย่างสุดซอยทุกเรื่อง ไม่เคยมีเพี้ยน หรือมีข้อยกเว้น ไม่เคยมีลา ยกตัวอย่างการโหวตไว้วางใจนายกฯ ถ้ายกสองมือได้ ก็ยกแล้ว แต่เรื่องงบประมาณ พรรคภูมิใจไทยมาครบหมด ยังมีหลายพรรคที่ลาไปประกอบพิธีทางศาสนา บางพรรคก็ขาด ก็ป่วย ผมยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลอย่างชัดเจนที่สุด ตัวผมเองยืนอยู่เคียงข้างท่านนายกฯ ในทุกสถานการณ์ เวลาแถลงข่าวมีใครยืนล่ะ มีผมยืนอยู่ตลอด แต่วันนี้ท่านบอกว่า จากนี้ไป จะให้เป็นหน้าที่ของโฆษกรัฐบาล ก็เลยไม่ได้ลงมา" นายอนุทิน กล่าว
พร้อมย้ำว่า ถึงอย่างไรแล้วพรรคภูมิใจไทยจะยังต้องได้กระทรวงมหาดไทย ยกเว้นมีเงื่อนไขว่าต้องปรับ ครม.ใหม่ทั้งหมด และต้องคุยพร้อมกัน ไม่มีการแยกคุย และต้องมีเหตุมีผล ซึ่งตนก็ไม่ใช่คนดื้ออยู่แล้ว