"เสรีพิศุทธ์" ร้อง ผบ.ตร.จับ "ฮุน เซน" ผิดกม.ไทย ปมพัวพันฆ่านักเคลื่อนไหวกัมพูชาในไทย

ข่าวการเมือง Monday June 23, 2025 13:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) ในความผิดต่อกฎหมายไทยจากกรณีที่สมเด็จฮุนเซนได้สั่งให้นายเกียง ฮวด รองผู้ว่าการกรุงพนมเปญ ร่วมกับตำรวจไทยสายเสื้อแดงสังหารนายลิม คิมยา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามในประเทศไทย ซึ่งคลิปเสียงเผยแพร่ผ่านสำนักข่าวอัลจาซีรา

ต่อมาทางการกัมพูชาปฏิเสธคลิปเสียงดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นคลิปเสียงที่ทำขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI แต่ผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยียืนยันว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นเสียงสมเด็จฮุนเซนจริง และต่อมาวันที่ 22 ส.ค.66 นายพร พันนา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝั่งตรงข้ามสมเด็จฮุนเซนที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 ถูกชายแปลกหน้า 3 คนที่พูดภาษากัมพูชาทุบตีที่จังหวัดระยองได้รับบาดเจ็บที่หน้าและหน้าอก

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏเช่นนี้ ตนในฐานะอดีต ผบ.ตร.ที่ทราบกฎหมายว่าการกระทำดังกล่าวแม้จะเป็นการสั่งมาจากนอกราชอาณาจักรมาดำเนินการในประเทศไทยก็ถือว่าเป็นความผิดในกฎหมายไทยด้วย วันนี้จึงต้องร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีสมเด็จฮุนเซน โดยเอกสารที่ตนนำมายื่นให้ประกอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 ที่บัญญัติว่าผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีอัตราโทษไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ก็จะต้องรับโทษในความผิดบัญญัตินั้นเสมือนเป็นตัวการ

"ผมเป็นอดีตตำรวจ ไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายที่จะไปเรียกใครมาสอบสวน จึงจำเป็นต้องให้ลูกน้องเก่าซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายไปดำเนินการติดตามจับกุม วันนี้ผมมาเสนอแนะสิ่งที่เกิดขึ้นและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ตำรวจจะสอบสวนฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องให้อัยการสูงสุดมาเป็นพนักงานสอบสวนร่วมด้วย" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยืนยันว่า กรณีดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถดำเนินการได้ หากเจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานก็สามารถนำไปสู่หมายจับได้เช่นกัน

พร้อมระบุว่า ข้อมูลที่นำมาร้องทุกข์กล่าวโทษในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย.68 บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีความระดับประเทศที่ต้องมีอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ส่วนกรอบระยะเวลาตนเองไม่ได้กดดันเจ้าหน้าที่ เพราะมีหลายขั้นตอนที่ต้องดำเนินการ แต่หากตำรวจไม่ทำก็จะเข้าข่ายความผิดมาตรา 157 ซึ่งตนเองจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด


*ผบ.ตร.สั่งรวบรวมพยานหลักฐาน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจแล้วเสนอกลับมาให้ตน การที่มีหลักฐานต่าง ๆ ยิ่งเป็นเรื่องดี ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา แม้จะเป็นเรื่องนอกราชอาณาจักรก็ตาม

ส่วนจะเอาผิดได้หรือไม่นั้นอยู่ที่การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เบื้องต้นต้องสอบสวนในส่วนของผู้กล่าวหาก่อน ส่วนข้อมูลของอดีต ผบ.ตร.จะสามารถเอาผิดอดีตผู้นำกัมพูชาได้หรือไม่ต้องเป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนก่อนเช่นกัน

ส่วนกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เรื่องคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นคนละกรณีกัน ต้องไปพิจารณาว่ารายละเอียดจะเข้าเงื่อนไขการรวมคดีของ พ.ร.บ.ตำรวจหรือไม่ ความคืบหน้าขณะนี้ คือตำรวจไซเบอร์ได้สอบผู้กล่าวหาแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเช่นกัน ส่วนจะเรียกนายกรัฐมนตรีมาสอบสวนหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน เพราะบริบทคลิปเสียงเป็นการสนทนาระหว่างกัน ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเป็นต้องทราบในส่วนที่ต้องรายงานเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ