ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พร้อมทั้งมีมติโดยเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ออกคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับแต่วันที่ 1 ก.ค.68 เป็นต้นไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ทั้งนี้ สว.รวม 36 คน เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภาว่าคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จ ฮุน เขน เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.68 โดย น.ส.แพทองธาร แถลงยอมรับว่าเป็นเสียงการสนหนาจริง แม้จะอ้างว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัวโดยมีเจตนาเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ สว.ทั้ง 36 คนเห็นว่า น.ส.แพทองธารแสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบ หรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะนายกรัฐมนตรี เพราะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกับกัมพูชา พร้อมจะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาตลอด และยังมองว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงกันข้าม ดังนั้น จึงเห็นว่า น.ส.แพทองธาร ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (4) จึงมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้ น.ส.แพทองธาร ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
พร้อมกันนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 สั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย โดยตุลาการฯ เสียงข้างน้อย 2 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไม่ยุติชัดเจน แต่เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก่ไขเยียวยาในภายหลัง ให้ใช้มาตรการหรือวิธีการชั่วคราวห้าม นส.แพทองธาร ใช้หน้าที่และอำนาจด้านความมั่นคง ด้านการต่างประเทศ และต้านการคลัง จนกว่าศาลรัฐธรรมญูจะมีคำวินิจฉัย