
คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ได้นำมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังกองบัญชาการกองทัพเรือ ก่อนจะเคลื่อนขบวนมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำดอกไม้ไปมอบให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีพล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ รองผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นตัวแทนออกมารับแถลงการณ์และช่อดอกไม้จากกลุ่มผู้ชุมนุม
กลุ่มผู้ชุมนุมได้ชูธงชาติไทย พร้อมป้ายข้อความ และนำดอกกุหลาบมามอบให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยบรรดาแกนนำได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยสนับสนุนบทบาทของตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อย และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล

นายพิชิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมักเป็นพื้นที่ที่ถูกใช้เป็นเวทีเคลื่อนไหวเรียกร้องต่าง ๆ แต่ครั้งนี้ประชาชนเดินทางมาเพื่อแสดงพลังใจและขอบคุณตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในพื้นที่แนวหน้า หลังการถอนกำลังของทหาร พร้อมชี้ว่าตำรวจและทหารคือหนึ่งเดียวกันในการปกป้องแผ่นดิน
นายพิชิต ได้เรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการกับไส้ศึกภายในประเทศ ที่เป็นต้นตอของความขัดแย้งและผลประโยชน์ทับซ้อน โดยระบุว่า ปัญหาในประเทศนั้นมาจากความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งทำให้บุคคลบางกลุ่มมีอิทธิพลเหนือรัฐ พร้อมเปรียบเปรยว่า ดาบที่อยู่ในมือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขณะนี้ ควรถูกใช้จัดการกับไส้ศึกเหล่านี้อย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการสูญเสียอธิปไตยซ้ำรอย

พร้อมกันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทวงถามถึงความคืบหน้ากรณีเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อแพทย์ตำรวจ 2 รายที่เคยช่วยเหลือนักโทษชั้น 14 ซึ่งถูกแพทยสภาลงโทษ พร้อมย้ำว่าหากจะฝ่าฟันอุปสรรคของประเทศต้องสู้ทั้งข้าศึกและไส้ศึกควบคู่กันไป
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ตำรวจหลายรายได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมตั้งคำถามต่อบทบาทของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ที่ยังไม่สามารถเจรจาให้เกิดการหยุดยิงอย่างแท้จริงได้ สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าเรากำลังเสียเปรียบในยุทธภูมิอย่างที่ไม่ควรจะเป็น จึงขอเชิญชวนประชาชนออกมาร่วมแสดงพลังในการชุมนุมใหญ่วันที่ 2 ส.ค.นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
