สภาฯ ถกงบปี 69 วาระ 2-3 "พิชัย" แจงเหตุผล กมธ.หั่นงบ 8.9 พันลบ. มั่นใจไม่ล่ม

ข่าวการเมือง Wednesday August 13, 2025 11:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 หลังจากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69 ได้พิจารณาแล้วเสร็จนั้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ปี 69 ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาร่างงบประมาณฯ ปี 69 เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ เป้าหมายพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง

โดยพิจารณาตามความจำเป็น และภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน ตลอดจนคำนึงถึงฐานะการคลัง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนหน่วยรับงบประมาณ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส และเป็นธรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน

นายพิชัย ได้มีข้อสังเกตในภาพรวมที่สำคัญ เพื่อให้รัฐบาลดำเนินการเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจปีงบประมาณ 69 ซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลกระทบต่องบประมาณด้านรายได้ และรายจ่าย การเตรียมงบประมาณเพื่อรองรับมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก และการบริหารจัดการหนี้สาธารณะให้ลดลงในระยะยาว เพื่อให้มีพื้นที่การคลังไว้ใช้ในยามเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังในอนาคต พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาแต่ละจังหวัด ที่มีความเฉพาะเจาะจงและแตกต่างกันไปตามบริบทในพื้นที่ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในพื้นที่

คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ปรับลดประมาณรายจ่ายลง จำนวน 8,920 ล้านบาท โดยได้พิจารณาสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งเป้าหมาย ผลการดำเนินงานจริง ความคุ้มค่า และความพร้อมในการดำเนินงาน และศักยภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณ หรือรายได้ที่จัดเก็บของหน่วยรับงบประมาณเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา เช่น

1. รายการที่มีผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ คาดว่าใช้จ่ายไม่ทันปีงบประมาณ หรือรายการผูกพันงบประมาณเดิมที่ต่ำกว่างบประมาณเสนอไว้

2. รายการไม่สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน หรือดำเนินการไปแล้ว แต่ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ

3. รายการที่ชะลอได้ โดยไม่กระทบภารกิจให้บริการประชาชน หรือทบทวนโครงการให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย

4. รายการที่ยกเลิก หรือใช้งบจากส่วนอื่นนอกจากงบประมาณได้ เช่น เงินที่จัดเก็บเอง เงินสะสมคงเหลือ

รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ชี้แจงต่อว่า สำหรับการเพิ่มงบประมาณนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาตามความเหมาะสม จำเป็นเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงาน ได้แก่

1. งบกลาง เพื่อเงินสำรองกรณีฉุกเฉินจำเป็น

2. สำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่มในส่วนเงินเดือนของบุคลากรของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)

3. กระทรวงการคลัง ได้เพิ่มงบประมาณให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในจัดการประชุมสภาผู้ว่าธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 69

4. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของคนพิการ

5. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของกรมฝนหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็ก

6. กระทรวงยุติธรรม ให้กับกรมคุมประพฤติ เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อติดตามผู้ถูกคุมประพฤติผู้ติดยาเสพติด

7. กระทรวงแรงงาน ในส่วนสำนักงานประกันสังคม เป็นค่าใช้จ่ายตามสิทธิ์ในการชำระเงินสมทบของฝ่ายรัฐบาล สำหรับเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ในส่วนที่รัฐค้างชำระ

8. รัฐวิสาหกิจ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนค่างานโยธา ตามสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ

9. จัดสรรให้หน่วยงานศาล และหน่วยงานองค์กรอิสระ และองค์กรอัยการ เพื่อเป็นงบบุคลากรและสนับสุนนดำเนินงานตามภารกิจ

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้เปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่าย ใน 2 ส่วน คือ ลดงบกระทรวงสาธารณสุข 70 ล้านบาท ในส่วนการถ่ายโอนบุคลากร เพื่อเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อเป็นเงินอุดหนุนบุคลากรสำหรับการถ่ายโอนบุคลากรใน สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และลดงบประมาณของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 114 ล้านบาท เพื่อให้กับเทศบาลเมือง 3 แห่ง และเทศบาลตำบล 1 แห่ง

"การพิจารณารายละเอียดงบประมาณ ปรับลด ปรับเพิ่ม และเปลี่ยนแปลงงบประมาณนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อความพร้อม และศักยภาพของหน่วยงาน ความซ้ำซ้อน เป้าหมายดำเนินงาน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และภารกิจกระตุ้นเศรฐกิจ การแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน และประโยชน์โดยตรงกับประชาชน รวมถึงสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโต เข้มแข็ง รองรับปัจจัยภายในและภายนอกได้อย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงการดำเนินงานไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้อยู่ในกรอบวงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท" รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ

*เพื่อไทย ย้ำ สส.ร่วมองค์ประชุม มั่นใจสภาฯไม่ล่ม

ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานสส.พรรค ย้ำว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดในการพิจารณางบฯ วาระ 2 และ 3 จึงเชื่อว่าคนที่เป็นรัฐมนตรี และสส. ต้องมาอยู่ที่สภาฯ หากทุกคนมาอย่างไรองค์ประชุมครบแน่นอน ถึงฝ่ายค้านไม่เป็นองค์ประชุมเราก็สามารถพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการวางแผนว่าหากองค์ประชุมไม่ครบแล้วจะต้องพิจารณางบฯ 4-5 วัน เพราะเชื่อว่าเราสามารถทำได้และจบใน 3 วัน

ส่วนการลงมติเป็นรายมาตราและต้องมีการแสดงตน หากองค์ประชุมล่มจะทำอย่างไร นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าไม่ล่ม เพราะเราคุยกันแล้วในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ หน้าที่ผู้แทนก็รู้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา 3 วันจะอยู่ด้วยกัน เพราะสส. ต้องรู้หน้าที่ไม่ต้องถึงขั้นคาดโทษเพราะเชื่อมั่นว่าครั้งนี้ไม่มีล่ม มั่นใจเราก็คุยกันตลอด ซึ่งวิปรัฐบาลต้องไปกำชับกันอีกครั้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ