นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า มติของพรรคเพื่อไทยกำหนดให้จัดทำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จำนวน 140 คน โดยมาจาก 2 แนวทาง คือ
1.จากการเลือกตั้งของประชาชนผ่านประชาชนที่ประสงค์จะเป็น ส.ส.ร.ซึ่งให้จังหวัดเลือกเข้ามา 200 คน โดยจำนวนดังกล่าวจะคำนวณตามฐานประชากร จากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 100 คน ซึ่งมีข้อกำหนดต้องมี ส.ส.ร.เป็นตัวแทนจังหวัดละหนึ่งคน เพื่อไม่ให้เกิดการทุ่มให้ได้ ส.ส.ร.ที่มาจากฐานเสียงของ สส.
2.จากเลือกกันเองขององค์กรต่าง ๆ คณบดีคณะนิติศาสตร์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ สภาทนายความ สภาท้องถิ่น องค์กรวิชาชีพ สภาวิชาชีพสื่อมวลชน รวมถึงตัวแทนขององค์การนิสิตนักศึกษ สภาองค์การนักศึกษา ซึ่งรายละเอียดนั้นเป็นการกำหนดวิธีการว่าจะทำอะไร โดยไม่มีประเด็นการตัดอำนาจ สว. เพราะในรายละเอียดดังกล่าวควรเป็นขั้นตอนของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังจากหมวด 15/1 ผ่านรัฐสภาแล้ว
"การออกแบบให้ประชาชนในจังหวัดเลือกตั้งนั้นจะไม่มีลักษณะกลุ่มอาชีพเหมือน สว. เพราะคนที่สนใจสามารถสมัครและประชาชนโหวตเลือก แต่ไม่ได้เป็น ส.ส.ร.ทันที เนื่องจากต้องให้รัฐสภาเลือกอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีการเลือกโดยอ้อม โดยสิ่งสำคัญคือต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมไม่ใช่ให้รัฐสภาทำกันเอง ตามที่มีจุดยืนให้รัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน" นายชูศักดิ์ กล่าวนายชูศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ จะหารือกับนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ถึงแนวทางและรายละเอียดของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560
และในวันที่ 19 ก.ย.นี้ พรรคเพื่อไทยจะหารือถึงเนื้อหาสาระที่จะยื่นต่อรัฐสภา จากนั้นจะเสนอต่อรัฐสภา หากพิจารณาไทม์ไลน์แล้วราวต้นเดือน ต.ค.จะสามารถเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรมนูญได้ และตั้งกรรมาธิการให้ได้ก่อนปิดสมัยประชุม ช่วงปิดสมัยประชุมจะให้กรรมาธิการได้ทำงาน และเมื่อเปิดสภา จะได้ลงมติได้ในวาระต่อไป
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านกลไกเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ด้วยโมเดล 2 คณะ คือ คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ และคณะผู้แทนประชาชน ซึ่งมีความใกล้เคียงกับโมเดลที่เคยเสนอไปแล้วใน ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะไม่ได้ต่างกับการเลือก สส.เขต และ สส.บัญชีรายชื่อ จึงคิดว่าไม่ได้ซับซ้อนเกินไป แต่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม
โดยคณะผู้แทนประชาชนมีหน้าที่คล้ายกับสภาที่ปรึกษาหรือสภากำกับดูแล ดังนั้นจะเป็นตัวแทนทุกจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง มีหน้าที่รวบรวมความเห็นจากประชาชน และเมื่อมีความคืบหน้าของร่างก็จะนำความคืบหน้าดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ไม่ได้นำมายกร่าง หรือเขียนข้อความ เนื่องจากเรากังวลถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุ รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง เราจึงวางเป็น 2 คณะแบบนี้
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นโมเดลของพรรคอื่นทั้งหมด แต่จากการพูดคุยกับนายชูศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คิดว่าโมเดลพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนคล้ายกันอยู่ เพราะไม่ใช่การตั้งคณะกรรมการโดยตรง แต่ใช้เป็นกลไกเสริม ในส่วนของเรา 2 คณะ ขณะที่ของพรรคเพื่อไทยเป็นสภาเดียว แต่มีสองที่มา
ในมุมของพรรคประชาชน เรายกร่างโดยพยายามให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด และไม่ได้ขัดคำวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่า พรรคอื่นก็คำนึงถึงตรงนี้เช่นกัน แต่หากพูดระหว่างทาง ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นคนร้องได้ เพราะเป็นมติของรัฐสภา หากเราเห็นตรงกัน ก็ไม่มีใครไปร้องได้
"ถ้าทุกพรรคมีความตั้งใจก็ไม่เป็นปัญหา เพราะหมุดหมายสำคัญ ไม่ว่าวาระหนึ่งจะจัดขึ้นเมื่อไร แต่วาระสองและวาระสามที่เกิดขึ้นภายหลังกรรมาธิการพิจารณาเสร็จต้องทำให้เกิดภายในเดือน ธ.ค.ก็จะไม่มีปัญหา" นายพริษฐ์ กล่าว