
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยถึงการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ของพรรคประชาชน เสนอต่อรัฐสภา โดยระบุว่า วันนี้ พรรคประชาชนได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรก เพื่อเดินหน้าไปสู่การทำประชามติรอบแรก ที่จะรวมคำถามครั้งที่ 1 และคำถามครั้งที่ 2 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไว้ด้วยกัน โดยจัดประชามติรอบแรกพร้อมกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น หลังรัฐบาลยุบสภาภายใน 4 เดือนต่อจากนี้

หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า เมื่อปลายปี 67 พรรคประชาชนเคยยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ที่เสนอให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายตีความว่าเป็นการปิดประตูสู่การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พรรคประชาชน ยืนยันว่า คำวินิจฉัยดังกล่าว มีปัญหาทั้งในเชิงกระบวนการที่เป็นการตอบเกินคำถาม และในเชิงเนื้อหาสาระที่ตนมองว่าขัดกับหลักการว่าอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน
อย่างไรก็ตาม เพื่อมีข้อเสนอที่จะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย พรรคประชาชน จึงได้จัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ฉบับใหม่ เพื่อเสนอกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ยังคงความยึดโยงกับประชาชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยไม่เสี่ยงต่อการขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า "รัฐสภา ไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง"
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เนื้อหาในภาพรวมของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ สอดคล้องกับรายละเอียดที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ และรับฟังความเห็นจากประชาชนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ดังนี้
1. พรรคประชาชน เสนอให้มี "2 กลไกคู่ขนาน" เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
- กลไกแรก คือ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จำนวน 35 คน ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 70 คน โดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นทีม และใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง จากนั้นรัฐสภาคัดเลือก 35 คน แบ่งสัดส่วนตาม สส. สว. และพรรคการเมือง เท่ากับว่าหากสมาชิกรัฐสภามีทั้งหมด 700 คน สมาชิกรัฐสภา 20 คน มีสิทธิรวมตัวกันเพื่อเสนอชื่อ กมธ. ยกร่าง 1 คน
- กลไกที่สอง คือสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 100 คน ทำหน้าที่รับฟังความเห็นประชาชน และสะท้อนความเห็นต่อ กมธ.ยกร่างฯ โดยทั้ง 100 คน มีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ใช้ระบบแบ่งเขต ที่ให้ผู้สมัครสมัครเป็นรายบุคคล และใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดละ 1-5 คน ตามจำนวนประชากร
2. พรรคประชาชน กำหนดเวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ที่ 270 วัน หรือ 9 เดือน โดยให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และกำหนดให้ทั้ง 2 กลไก สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ โดยไม่ถูกกระทบจากการยุบสภาหรือจากการที่สภาหมดวาระ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน และความต่อเนื่องของกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
3. เมื่อยกร่างเสร็จแล้ว ให้นำเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อรัฐสภา หากรัฐสภาเห็นชอบ ให้นำร่างดังกล่าวไปทำประชามติ เพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่หากรัฐสภาไม่เห็นชอบ ให้ร่างดังกล่าวเป็นอันตกไป โดยหากจะมีการจัดทำฉบับใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ ให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบให้มีการเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ ขึ้นมาตามกระบวนการเดิม
4. เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน พรรคประชาชนกำหนดให้
(1) การทำงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่จำกัดอยู่แค่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ให้ครอบคลุมถึงการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย โดยอาจเริ่มต้นทันทีที่ประชาชนลงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
(2) บุคคลที่ทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น สส. สว. รัฐมนตรี ผู้บริหาร หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ในช่วงแรกหลังเสร็จภารกิจ
- วางไทม์ไลน์ ม.ค.69 เคาะวันประชามติ พร้อมเลือกตั้ง
พร้อมกันนี้ พรรคประชาชน มีข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่าง ๆ ดังนี้
1. ขอให้พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เข้าสู่สภาฯ ภายในสัปดาห์นี้ ตามที่ได้ประกาศไว้ และระบุรายละเอียดในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ที่กำหนดให้มีกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
2. ขอให้ สส. และสว. ทุกคน พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1
3. ขอให้ประธานรัฐสภา เปิดประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ทุกฉบับโดยเร็ว
4. ขอให้นายกรัฐมนตรี เดินสายทำความเข้าใจกับ สส. และสว. เพื่อผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 สำเร็จตามเป้าหมายของ MOA
สำหรับไทม์ไลน์หลังจากนี้ นายณัฐพงษ์ หวังว่าภายในสัปดาห์นี้ ทั้ง 3 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ของตนเอง จากนั้นต้นเดือนต.ค.68 จะเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 1 ถัดไปเดือนต.ค.-ธ.ค.68 เป็นการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ เดือนธ.ค.68 รัฐสภาจะพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 จากนั้นเดือนม.ค. 69 กำหนดวันประชามติพร้อมการเลือกตั้ง และยุบสภาภายในสิ้นเดือนม.ค. 69 ตามเงื่อนไขที่ระบุใน MOA