"อนุทิน" ท้าเปิดชื่อจริงคนการเมืองเอี่ยวสแกมเมอร์ ลั่นพร้อมคุ้มครองความปลอดภัย

ข่าวการเมือง Thursday November 6, 2025 15:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สแกมเมอร์) ประสิทธิภาพของงานจะเห็นได้จากการยึดอายัดทรัพย์ ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และเนรเทศผู้กระทำผิดออกจากประเทศไทย ซึ่งในช่วงไม่กี่เดือนนี้ บัญชีม้าลดลงประมาณ 25% ก็มีความชัดเจนว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้น เกิดประสิทธิผล

ส่วนที่มีการพูดถึง "บิ๊กตำรวจ" หลายคนรับเงิน หรือมีผลประโยชน์จากกลุ่มสแกมเมอร์ จะต้องมีการตรวจสอบอย่างไร ในฐานะที่นายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า คนที่เป็น ผบ.ตร. หากทำร้ายประเทศไทย ทำร้ายประชาชน คงไม่สามารถเติบโตก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ถึงจุดนี้ ดังนั้น ถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด และหากต้องการรับการสนับสนุนสิ่งใดจากรัฐบาลในเรื่องการปราบปราม ก็ขอให้บอกมาได้

"อะไรที่ต้องการจากรัฐบาลในการปราบปรามเรื่องพวกนี้ ก็ขอให้เอ่ยมาเท่านั้น ผมมีหน้าที่บันดาลทุกอย่าง เพื่อจะทำให้หน่วยงานที่ทุกคนกำกับดูแล ไปดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างเฉียบขาด เด็ดขาด ไม่มีหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งสิ้น" นายกรัฐมนตรี ระบุ

ส่วนการที่มีบุคคลภายนอกออกมาแฉรายวัน จะกระทบต่อความเชื่อมั่นหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องมองโลกในแง่ดี ถ้าบุคคลเหล่านั้นมาแฉรายวันได้ ก็ถือว่าเป็นการข่าวช่องทางหนึ่ง เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้อง Alert อยู่ตลอดเวลา

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้คนที่เปิดชื่อย่อคนในรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ว่าให้เปิดชื่อ-นามสกุลจริงออกมาได้เลย ซึ่งรัฐบาลมีจรรยาบรรณที่จะรักษาความลับ และจะให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รับรองความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากพบว่ามีหลักฐานการกระทำผิด ก็จะถูกดำเนินการทางกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น

ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นถึงกรณีที่องค์กรตำรวจถูกโจมตีว่าเป็นศูนย์รวมอาชญากรรมขนาดใหญ่นั้น โดยระบุเพียงว่า ไม่ต้องการพาดพิงบุคคลใด และตำรวจทุกนายมีหน้าที่ทำงานแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ตอบโต้คำกล่าวหา พร้อมรับว่ามีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่สิ่งสำคัญคือเดินหน้าปราบปรามสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเดือดร้อนประชาชนอย่างหนัก

"ไม่เป็นธรรมกับคนที่เป็นตำรวจดี ถ้าคนไม่ดี ก็ขอหลักฐานมา ผมก็ดำเนินการตามกฎหมายได้ คนทำผิดก็มีความชัดเจนแล้วในหลายกรณี ทั้งให้ออกจากราชการ เอาผิดอาญา และเอาผิดทางวินัย" ผบ.ตร.กล่าว

พร้อมกับฝากว่า การกล่าวหาต่อองค์กร เป็นเรื่องที่ร้ายแรง และรุนแรง กระทบต่อความรู้สึกและจิตใจของตำรวจทั้งประเทศ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีการหารือกันว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบ และต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร

"คงต้องหารือกันก่อน แต่ขอเรียนว่า ไม่ว่าจะเป็นคำพูด คำตำหนิ เรารับมาทั้งหมด และจะปรับปรุงตัวเอง เพื่อเดินหน้าทำงานให้เกิดความสำเร็จในภัยคุกคามที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ ส่วนอะไรที่รุนแรงไป มันเป็นคำพูด คนพูดก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น" ผบ.ตร. ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ