แก้รธน.เดินหน้าตามไทม์ไลน์!! กมธ.มั่นใจ 12 พ.ย. องค์ประชุมไม่ล่มซ้ำ

ข่าวกฏหมายและประกาศ Monday November 10, 2025 12:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการประชุมในวันที่ 12 พ.ย. นี้ไม่น่าจะล่มซ้ำ หลังจากเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมาไม่สามารถลงมติได้เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ และยังมีข้อมูลที่มีความเข้าใจไม่ตรงกันในบางมาตรา แต่ในส่วนของหลักการได้มีการพูดคุยกันมาหลายวันแล้ว และมีความเข้าใจร่วมกันได้ 100%

ดังนั้น ในวันที่ 12 พ.ย. นี้ การประชุมไม่น่าจะล่มและเดินหน้าต่อ โดยจะพยายามผลักดันการพิจารณาให้เป็นไปตามไทม์ไลน์เดิมให้ได้ แต่ถ้าหากมีรายละเอียดที่ต้องขยายเวลาเพิ่มก็ต้องมีการพูดคุยกันใน กมธ. และปรับเปลี่ยนตารางอีกที

ทั้งนี้ ยังมีการพูดคุยกันในเรื่องการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งคาดว่าจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ได้ในช่วงต้นเดือนธ.ค. และจะเว้น 15 วัน ก่อนจะพิจารณาวาระ 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ช่วงวันที่ 20 ธ.ค. โดยเป็นไทม์ไลน์คร่าว ๆ ที่คุยกันในกมธ. ถ้าไม่เปิดสมัยวิสามัญ อาจต้องใช้เวลาในกระบวนการงานธุรการของสภา เพราะต้องใช้เวลาในการบรรจุและวาระ 3 อาจจะต้องขยับไปถึงม.ค .

ส่วนหากมีการยุบสภาก่อนจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ในกมธ. มีการพูดคุยกัน ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่น่าจะยุบสภาก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ เพราะพรรคการเมืองที่เข้ามาร่วมในการแก้ไขครั้งนี้ เป็นภารกิจที่ประชาชนมอบหมายให้อยู่แล้ว และเป็นต้นทุนของทุกพรรคการเมืองที่เป็นความคาดหวังของประชาชน ถ้าเกิดการยุบสภาขึ้น ก็น่าจะส่งผลกระทบทางการเมืองต่อพรรคการเมืองที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เสร็จ

*พรรคประชาชน ปัดมีธงแก้รธน.

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกมธ. พิจารณารัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงกรณีการประชุมกมธ. แก้รัฐธรรมนูญที่สะดุดซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาชนพยายามควบคุมให้เป็นไปตามโมเดลที่เสนอว่า ไม่ได้เป็นธงแบบนั้น แต่ได้พูดตั้งแต่วันแรกของการประชุมกมธ. ในฐานะผู้เสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญแล้วว่า เข้าใจดีว่าแต่ละคนมีมุมมองที่ต่างกัน สิ่งที่อยากให้กมธ. แสวงหา คือ ฉันทามติของทุกฝ่าย เพราะรู้ว่ากรณีผ่านวาระ 3 ไปได้ ไม่ใช่จะใช้เสียงข้างมากของรัฐ แต่ต้องได้ 20% ของฝ่ายค้าน และ 1 ใน 3 ของ สว. ด้วย และแม้ผ่านวาระ 3 ไปได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนด้วย ดังนั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขที่จะคลอดออกมาต้องตอบ 2 โจทย์คู่ขนาน คือได้ฉันทามติของรัฐสภาระดับหนึ่ง และตอบโจทย์เพียงพอที่ประชาชนจะลงคะแนนเห็นชอบตอนประชามติด้วย

"การทำงานของผมที่ผ่านมาไม่ได้เอาความเห็นของตนเองเป็นใหญ่ แต่พยายามแสวงหาฉันทามติในกมธ. ในประเด็นที่เห็นต่างกัน หากหาข้อสรุปร่วมกันได้โดยไม่ลงมติได้ก็ดี แต่หากจำเป็นต้องลงมติ เพราะมีประเด็นที่ต้องลงมติเพื่อหยั่งเสียงว่าแต่ละฝ่ายมีมุมมองเห็นต่างกันมีผู้สนับสนุนเท่าไร" นายพริษฐ์ กล่าว

ส่วนกรณีประเด็นที่เป็นข้อเห็นต่างระหว่างมีผู้ร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียว โดยไม่มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) นายพริษฐ์ กล่าวว่า ร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนที่เป็นฉบับหลัก เป็นผู้ร่างชั้นเดียว คือ กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมให้ประชาชนคัดมาก่อน 70 คน จากนั้นให้รัฐสภาคัดเหลือ 35 คน โดยใช้วิธีการเสนอชื่อตามสัดส่วน ให้ สส.และ สว. รวมกลุ่ม 20 คน เสนอผู้ร่าง 1 คน เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เสียงข้างมากลากไป

ในส่วนอีกกลไกคู่ขนาน คือสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้มาจากการเลือกตั้งทางตรง เพราะเห็นว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญห้ามเฉพาะประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง แต่สภาที่ปรึกษาไม่มีอำนาจในการทำเนื้อหา จึงสามารถมาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้ ทั้งนี้ โมเดลดังกล่าวเป็นโมเดลคู่ขนานที่เป็นไปตามข้อจำกัดของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดี ยอมรับว่ามีมุมมองที่แตกต่างกัน บางฝ่ายเห็นด้วยกับกมธ. ชั้นเดียว แต่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งทางอ้อม อีกฝ่ายเห็นว่าควรมี สสร. แต่งตั้งจากรัฐสภาทั้งนี้ที่ประชุมได้ถกกันหลายความเห็นว่ามีข้อดีข้อเสียต่างกัน

เมื่อถามว่าเหตุผลที่สัปดาห์ที่ผ่านมาลงมติไม่ได้ เพราะแต่ละฝ่ายยืนยันความเห็นคนละฝั่งหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่ลงมติไม่ได้ ที่ผ่านมาพยายามมองว่าอะไรที่ตรงกัน และหากได้ฉันทามติจะเดินหน้าได้โดยไม่ลงมติ แต่หากจำเป็นต้องลงมติ เหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องทำเพื่อให้รู้ว่าแต่ละทางเลือกมีผู้ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดีตนเชื่อว่าในการประชุมวันที่ 12 พ.ย. นี้ ประเด็นที่เห็นต่างกันจะหาข้อสรุปได้ในทางใดทางหนึ่ง

ส่วนกรณีที่โมเดลของผู้ร่างรัฐธรรมนูญเสี่ยงขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ปรับหรือลดทอนหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าววว่า มุมหนึ่งต้องยืนยันว่าสิ่งที่เสนอนั้นไม่ขัดแต่อีกมุมเข้าใจว่ามีความกังวล ดังนั้น จึงเป็นความพยายามทำความเข้าใจว่า ฝ่ายที่กังวลนั้นกังวลเรื่องใด สามารถคลายข้อกังวลได้หรือไม่ หากคลายกังวลไม่ได้จะปรับร่างรัฐธรรมนูญเป็นแบบไหนที่ยังคงหลักการที่ยึดถือและคลายกังวลด้วย

"เป็นความพยายามหาฉันทามติในชั้นกรรมาธิการ คือสิ่งที่เราต้องการบรรลุให้ได้มากที่สุด และทำให้เป้าหมายการทำงานเสร็จภายในเดือนพ.ย. นี้" นายพริษฐ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ