นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐสภา กล่าวว่า ขณะนี้การพิจารณาโดยภาพรวมได้เดินหน้าไปทั้งหมดแล้ว ส่วนการพิจารณารายมาตราได้เดินมาถึงพิจารณากลไกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรับฟังความคิดเห็นและความสัมพันธ์กับรัฐสภาไปแล้ว
สำหรับการประชุมในวันนี้จะเป็นการพิจารณาหลักการพื้นฐาน เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าทุกอย่างจะต้องถามประชาชน ซึ่งจะทำต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าหากจะมีรัฐธรรมนูญฉบับจะมีขั้นตอน รูปแบบ กระบวนการจัดทำอย่างไร ซึ่งต้องมีหลักการพื้นฐานเพียงพอที่จะระบุให้ประชาชนเข้าใจว่าการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร
"การพิจารณาทั้งหมดจะแล้วเสร็จในวันที่ 21 พ.ย.ซึ่งเราค่อนข้างมั่นใจและการพิจารณาไม่ใช่ว่าจะเดินหน้าอย่างเดียว แต่เราพิจารณาอย่างละเอียดและรอบคอบ อย่างไรก็ตามยังมีขั้นตอนทางธุรการในเรื่องของการเชิญผู้แปรญัตติและการจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อส่งให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อนำแจ้งต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความพร้อมของรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การเปิดประชุมสมัยวิสามัญ" นายณัฐวุฒิ กล่าวดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีการตรวจสอบละเอียดและรอบคอบ ซึ่งจะมีการหารือในที่ประชุมว่าจะขอประชุมเพิ่มเติมในวันอังคารและวันพุธได้หรือไม่ และหากเป็นไปตามกรอบทั้งหมด คาดว่าในขั้นตอนทางธุรการจะจบอย่างแล้วเสร็จในวันพุธที่ 26 พ.ย. เมื่อเสร็จสิ้นจนจะรีบดำเนินทางธุรการส่งเอกสารทั้งหมดไปยังประธานรัฐสภา และเมื่อส่งไปให้ ครม.พิจารณาก็ยังมั่นใจว่าในการประชุม ครม.ในวันที่ 25 พ.ย.ควรจะต้องมีมติว่าเห็นควรให้มีการกราบบังคมทูลฯเพื่อให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญฯหรือไม่ เชื่อว่าน่าจะอยู่ในกรอบระหว่างวันที่ 8-11 ธ.ค.68
ส่วนการตั้งคำถามเพื่อทำประชามตินั้นได้มีการพิจารณากันหลายรอบ และได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ มาให้ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ข้อสรุปตรงกันว่าคำถามน่าจะหน้าที่ของ ครม.เป็นผู้ดำเนินการ แต่ในส่วนของญัตติที่จะนำไปสู่การมีคำถามไม่ว่าจะเป็นคำถามที่ 1 และคำถามที่ 2 จะต้องไปจากรัฐสภา ก็คงขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองจะคุยกันอย่างไร แต่เชื่อว่าจะต้องพิจารณาญัตติที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคำถาม เพื่อนำไปสู่ประชามติ ในวาระ 2 หรืออย่างช้าที่สุดในวาระ 3
สำหรับคุณสมบัติของผู้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นจะเป็นผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ยังรอการพิจารณาอยู่ ซึ่งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอยู่ในระหว่างที่คณะกรรมการกฤษฎีกาขอปรับแก้ถ้อยคำ โดยใส่ทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น การห้ามไม่ให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางกรเมืองเข้ามานั่งในคณะกรรมการยกร่าง และคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ ซึ่งคาดว่าไม่เกินวันที่ 21 พ.ย.คงจะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะมีการกำหนดสิ่งเหล่านี้หรือไม่
การที่เงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญ ยุบสภา และยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดูเหมือนเกี่ยวพันกันไปหมด ทาง กมธ.มีความกังวลหรือไม่ว่าสุดท้ายแล้วรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นตัวประกันและต้องแท้งไป นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในช่วงต้นของการประชุม กมธ.ก็มีความกังวลในส่วนนี้ ถ้าเรามองว่ารัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันเราคงทำให้รัฐธรรมนูญเสร็จไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว การที่ยังไม่เสร็จไม่ใช่มีฝ่ายหนึ่งดึง แต่เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและต้องไม่มีประเด็นใดๆที่อาจจะนำไปสู่การร้องหรือการยื่นตีความที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียไป เพราะฉะนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับกมธ.ทุกคนที่อาจมภารกิจ อย่างไรก็ตามเราชัดเจนว่าเราขอทำหน้าที่ บทบาทของ กมธ.ทั้ง 43 คนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และพยายามจะทำหน้าที่โดยเร็ว เพื่อให้อย่างน้อยจะมีหลักประกันว่าเราทำได้เร็ว และมีการพิจารณาอย่างก้าวหน้าไปตามลำดับ เหตุผลเรื่องอื่นๆที่จะทำให้การเมืองมามีผลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะจุดนี้คือจุดสำคัญที่สุดที่จะปลดล็อคไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 60
"ผมยืนยันในนามในนาม กมธ. โดยไม่ได้ติดว่าณัฐวุฒิมาจากพรรคไหน ฝ่ายไหน ก็ขอโอกาสจริง ๆ เพราะ กมธ.อยากให้โอกาสที่ดีที่สุดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น ส่วนท้ายที่สุดการเมืองจะเป็นอย่างไรก็เกินกว่าที่ กมธ.จะตอบได้ แต่ยังมั่นใจว่าสาระสำคัญจะจบในสัปดาห์นี้ และเมื่อเปิดสมัยประชุมวิสามัญแม้จะมีเรื่องอื่นผมก็ยังมั่นใจว่าความสนใจจะกลับมาที่การพิจารณารัฐธรรมนูญ เพราะเกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนทั้งหมดอย่างแท้จริง" นายณัฐวุฒิ กล่าวนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวถึงการเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญว่า ตนได้หารือกับนายกรัฐมนตรีถึงแนวโน้มการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและ ครม.ไม่ได้ขัดข้อง และยืนยันมาตลอดว่าจะเร่งผลักดันให้รัฐธรรมนูญเดินหน้าเร็วที่สุด ซึ่งหาก กมธ.มีความพร้อม และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จทันกรอบเวลาก็พร้อมที่จะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ คาดว่าจะเป็นช่วงวันที่ 8-11 ธ.ค. ส่วนจะเป็นวันที่เท่าไหร่ต้องหารือและดูกันอีกที
ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะส่งผลกระทบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายภราดร มองว่า แม้จะเป็นเรื่องคนละประเด็น แต่ก็อาจเชื่อมโยงกันได้ เพราะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องนำไปสู่การลงมติ หากฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตขึ้นมาก็จะไม่มีรัฐบาลต่อ และต้องมีการโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ หรือเป็นอำนาจนายกฯ ที่จะตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งนายกฯ อาจจะยุบหรือไม่ยุบสภาไม่มีใครตอบได้
"รัฐบาลไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่เราประกาศตั้งแต่วันแรกว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้นการจะชนะเสียงในสภาฯ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย" นายภราดร กล่าว