"ชลน่าน" คาดถกแก้ รธน.วาระสอง 2 วันเพียงพอ แม้รายละเอียดมาก ห่วงไม่ผ่านด่านสว.

ข่าวกฏหมายและประกาศ Wednesday November 26, 2025 14:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวว่า กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้เปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 10-11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในวาระสองนั้น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีจำนวน 50 มาตรา แม้ร่างมาตราจะมีจำนวนไม่มาก แต่ในส่วนของมาตรา 4 ซึ่งแก้ไขมาตรา 256 นั้นมี 39 มาตรา ซึ่งมีรายละเอียดเป็นจำนวนมาก และถูกแก้ไขแทบทุกมาตรา ดังนั้นสมาชิกสามารถอภิปรายได้ทุกมาตรา แต่ตนเชื่อว่าระยะเวลา 2 วันนั้นจะเพียงพอ ส่วนการอภิปรายในวาระสองนั้นตนมองว่าในระบบรัฐสภาที่ใช้เสียงข้างมากต้องหาข้อยุติได้ แม้ว่าจะสู้หรือถกเถียงกันอย่างหนัก แต่ด้วยกลไกเสียงข้างมากต้องมีมติและต้องจบ

กรณีที่มีการคาดการณ์ว่า สว.อาจลงคะแนนไม่ให้ผ่านเพราะยังมีข้อที่ติดใจ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะรัฐธรรมนูญรองรับการออกเสียงของ สว.ไว้ด้วยว่าต้องใช้เสียง สว.ร่วมเห็นชอบด้วย หากการอภิปรายในวาระสองที่มีประเด็นเป็นผลกระทบ อาจส่งผลให้ในวาระสามไม่ผ่านด้วย แต่จากการประเมินทิศทางของ สว. ผ่าน กมธ.ที่เป็นสัดส่วนของ สว.นั้น แนวโน้มยังเป็นไปตามเสียงข้างมาก และขึ้นอยู่กับเสียงข้างมาก

สำหรับเนื้อหาที่แก้ไขมีประเด็นที่กังวลใจนักสุดคือ ที่มาของ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 35 คน ซึ่งอาจถูกครอบงำได้ หากปล่อยให้รัฐสภาชุดหน้าเป็นผู้เลือกทั้งหมด ทำให้โอกาสได้รัฐธรรมนูญที่สะท้อนเจตจำนงประชาชนเป็นไปได้ยาก ยกเว้นว่ารัฐสภารับข้อสงวนของ กมธ.เสียงข้างน้อยที่สงวนไว้ ซึ่งตนสงวนความเห็นให้ใช้วิธีการเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ไม่ยึดติดกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คือ ใช้การลงมติโหวตเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ โดยต้องผ่านเกณฑ์เสียงข้างมาก ที่ได้รับความเห็นชอบจากทุกภาคส่วน คือ มี สว.เห็นชอบ 1 ใน 5 หรือ 40 คน และได้เสียงฝ่ายค้าน 20% เพื่อลดการถูกครอบงำ และตนมองว่าสูตร 20 หยิบ 1 นั้นจะทำให้เกิดการครอบงำ

"ประเด็นนี้ผมเสนอให้ทบทวนแล้ว แต่ กมธ.เสียงข้างมากไม่ยอม จึงต้องสงวนไว้เพื่อไปสู่ในวาระสองต่อไป ซึ่งในทิศทางการสงวนความเห็นนั้น จะมีทั้งเชิงประเด็น เช่น สนับสนุน สภาร่างรัฐธรรมนูญ แทนกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และรายมาตรา เช่น กลไกได้มาของ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ สูตร 20 หยิบ 1 เป็นต้น" นพ.ชลน่าน กล่าว
*เพื่อไทย ยันไม่ยื่นซักฟอก ก่อนถกแก้รธน.วาระสอง

นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า การพิจารณาของกมธ. ได้แล้วเสร็จในวันนี้ โดยกมธ.ส่วนพรรคเพื่อไทย ได้สงวนความเห็นไว้หลายประเด็น เพื่อนำไปสู่การอภิปรายในรัฐสภา ได้แก่ 1.ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 2.ที่มาของกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ที่ตัดรูปแบบการเลือกจากประชาชนออก ถือว่าไม่ยึดโยงกับประชาชน และให้เหลือ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คนและกมธ.รับฟังความคิดเห็น 35 คน ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชนออก ใช้ระบบ 20 หยิบ 1 ส่วนรัฐสภาจะเห็นอย่างไรนั้น ต้องรอดีเบตกันในวาระสอง

"เหตุที่สงวนความเห็นเรื่อง สสร. นั้น เพราะเชื่อว่าไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะกลไกที่ออกแบบนั้นไม่ใช่การเลือกผู้ร่างโดยตรง แต่ให้ประชาชนสมัครเป็นผู้สมควรเป็น สสร. ซึ่งเพียงการสมัคร หรือประชาชนเลือกนั้นยังไม่ใช่ผู้ร่าง แต่ต้องผ่านการเลือกจากรัฐสภา ทั้งนี้กมธ.ในส่วนของพรรคประชาชน เดิมกำหนดให้ประชาชนเลือกมา 70 คน และรัฐสภาหยิบเหลือ 35 แต่พอกมธ.เสียงข้างมากขัดข้องจึงต้องเปลี่ยน ซึ่งผมคุยกับผู้เสนอร่างของพรรคประชาชน เขาว่าไม่ขัด แต่กมธ.เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าขัดจึงตัดออก" นายชูศักดิ์​กล่าว

ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การยื่นญัตติไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ

"เท่าที่ฟังจากการคุยกัน อาจจะยังไม่ยื่นก่อนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสอง ทั้งนี้การตัดสินใจอยู่ที่พรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ดีเกรงว่าจะมีคนเอาไปอ้าง ท้ายสุดหากยุบสภาจะไม่ได้พิจารณาวาระสอง ซึ่งแกนนำของพรรคเพื่อไทยได้พิจารณาประเด็นนี้ จึงจะยังไม่ยื่นก่อนวาระสอง แต่เราไม่พูดว่าจะยื่นหลังผ่านวาระสอง หรือ วาระสามแล้วจะยื่นหรือไม่ พรรคกำลังพิจารณาในรายละเอียด โดยสิ่งที่ผมพูดคือในทางที่เข้าใจว่าอย่างนั้น เราไม่อยากเห็นการยื่นหรือไม่ยื่น ขัดขวางการอภิปรายวาระสอง และไม่อยากให้อ้างว่ายุบสภา เพราะพรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติ ดังนั้นจะไม่ยื่นจนกว่าวาระสองแล้วเสร็จ" นายชูศักดิ์ กล่าว

ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าไม่พบแนวคิดที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ ในวาระสองเสร็จสิ้น ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้น คณะยุทธศาสตร์จะรวบรวมความเห็นที่มีหลากหลายแง่มุมเพื่อเสนอให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณา เบื้องต้นคงเป็นหลักการพิจารณาวาระสองแล้วเสร็จ อย่างไรก็ดียอมรับว่าหากยุบสภาเกิดขึ้นก่อน หรือเร็วกว่าวันที่ 9 ธ.ค. จะมีผลต่อการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ

"การยื่นญัตติเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบรัฐบาลที่พึงกระทำ ส่วนจะทำอย่างไรต้องดูสถานการณ์ปัจจัยหลายอย่าง โดยต้องรวบรวมความเห็น ซึ่งในพรรคมีความเห็นที่หลากหลายพอสมควร ก่อนจะส่งให้กรรมการบริหารไปพิจารณาตัดสินใจ โดยกรรมการยุทธศาสตร์ไม่สามารถสั่งการแทนหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้" นายจาตุรนต์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ