"นิกร"เชื่อลงล็อก 29 มี.ค. 69 เลือกตั้งพร้อมทำประชามติ แต่วาระ 3 ล่อแหลมต้องคุยส.ส.-ส.ว.ให้เข้าใจ

ข่าวการเมือง Wednesday December 10, 2025 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการกรรมการร่วมกันเพื่อพิจารณาประชามติ กล่าวว่า วันนี้ (10 ธ.ค.) เป็นวันรัฐธรรมนูญ และถือเป็นวันที่ดีในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ วาระ2 และมองว่าการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ จะเรียกว่าไม่จำเป็นเลยก็ได้ เพราะเปิดสมัยสามัญก็ทัน เป็นไปตามกรอบ 60 วัน ไม่เกิน 150 วัน แต่มองว่าการเปิดวิสามัญครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงของ MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ที่กำหนดให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปี

นายนิกร กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ฟังนายภราดร ปริศนานันกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะยื่นญัตติโดยรัฐสภา เพื่อตั้งคำถามที่หนึ่งเพื่อทำประชามติ ซึ่งเรื่องนี้ตนพูดมากว่า 2 เดือนแล้วว่าสามารถทำได้ ซึ่งใช้หลักการมาตรา 9 (4) หรือ (2) ได้ เช่นเดียวกับรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ตอนหลังมีการให้ความเห็นกันว่า ครม. สามารถตั้งคำถามได้ แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา เขียนไว้ชัดว่ารัฐสภาเท่านั้น เป็นผู้เขียนตั้งคำถามที่หนึ่ง สอง และสาม เพราะฉะนั้นการดำเนินการโดยใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ และหากทำไปแล้วจะแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่รัฐบาลเสนอเป็นการดำเนินการตาม MOA

นายนิกร กล่าวอีกว่า หากมีการเสนอญัตติการพิจารณาอาจเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ก็ได้ แต่ต้องใช้อำนาจของประธานรัฐสภา หรือระหว่างการเปิดสมัยประชุมสามัญ สามารถเรียกประชุมรัฐสภาอีกครั้งก็ได้เพื่อจะเคาะเรื่องนี้ หรืออาจรอพร้อมคำถามที่สอง หลังจากวาระที่ 2 ผ่านไป 15 วันก็ได้ แต่พอสภามีญัตติในเรื่องนี้ คำถามจากสภาจะถูกพุ่งตรงไป ครม. เพื่อออกพระราชกำหนดทำประชามติไม่น้อยกว่า 60 วัน แต่ไม่เกิน 150 วัน อาจลงล็อกวันที่ 29 มีนาคม 2569 และเมื่อยุบสภาตาม MOA ซึ่งสามารถลงในวันเดียวกันได้ ตนหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าคำถามที่สองจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ หวังว่าอย่างน้อยจะได้คำถามที่หนึ่ง พร้อมย้ำว่าตรงนี้สำคัญเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะการเลือกตั้งใช้ประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่หากเป็นเฉพาะการทำประชามติอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท หากการทำประชามติแยกกับการเลือกตั้ง งบประมาณจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แต่หากทำพร้อมกันจะสามารถลดรายจ่ายได้ 4,000-5,000 ล้านบาท ตนจึงหวังว่าทั้งรัฐธรรมนูญ และงบประมาณ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญน่าจะดำเนินการตามนี้

โดยการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวาระที่ 2 จากที่ตนดูมีปัญหาบ้างบางมาตรา โดยเฉพาะประเด็นที่ขัดแย้งกันกับวุฒิสภา ซึ่งการพิจารณาจะยึดตามเสียงข้างมาก วุฒิสภาไม่อาจทานเสียงของ สส. ได้ หากสู้กันวุฒิสภาไม่ชนะ แต่หากไปที่การพิจารณาวาระที่ 3 เสียงจะต้องเป็น 1 ใน 3 จึงตั้งคำถามว่าจะผ่านหรือไม่ ตรงนี้ยังล่อแหลมอยู่มาก ตนคิดว่าน่าจะได้คุยกันเพื่อทำความเข้าใจทั้งสองฝ่าย

หากต้องการให้วันเลือกตั้งพร้อมกับการทำประชามติ การตั้งคำถามจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า กฎหมายใหม่กำหนดไว้ แม้จะไม่ชัด แต่อ้างตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และสภาส่งไปยัง ครม. และ ครม. ต้องออกข้อบังคับว่าให้มีประชามติเกิดขึ้น ไม่น้อยกว่า 60 วัน และไม่เกิน 150 วัน และหากปลายเดือนนี้มีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 จะลงล็อกได้เลือกตั้ง ได้คำถามประชามติที่หนึ่งและสองพร้อมกัน

นายนิกร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีเรื่องการสู้รบชายแดน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ตั้งให้ตนเป็นประธานคณะทำงานเขียนรายงาน ปัจจุบันประชุมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งการเขียนรายงานเกือบจะเสร็จแล้ว และตั้งใจว่าจะให้เสร็จในวันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งมีข้อสรุปทั้งเห็นด้วยให้ยกเลิกและไม่เห็นด้วย มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน จึงใช้วิธีให้กรรมาธิการให้ความเห็นบันทึกเช่นเดียวกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่าใครเห็นด้วยหรือไม่ และเข้าสู่สภาทั้งหมดเพื่อจะสามารถพิจารณาได้ทันวันที่ 19 ธันวาคม

นายนิกร กล่าวว่า การศึกษา MOU 43-44 ไม่ได้ศึกษาว่าจะยกเลิกหรือไม่ แต่เกิดขึ้นภายหลังคณะกรรมาธิการจึงมีความเห็น 2 ข้างว่าจะคงไว้หรือยกเลิก แต่ปัจจุบันมีการสู้รบแนวชายแดนจึงอาจมีผลต่อการศึกษาของกรรมาธิการ ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งข้อสังเกตไปยังรัฐบาล เชื่อว่าความเห็นของกรรมาธิการจะช่วยประคองประเทศไปได้อีกมิติหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ