Talktime: โหมโรงเลือกตั้ง'69 วัดพลัง "น้ำเงิน-ส้ม-แดง"

ข่าวการเมือง Friday December 12, 2025 18:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

Talktime: โหมโรงเลือกตั้ง'69 วัดพลัง

บรรยากาศการเมืองไทยกำลังเร่งเครื่องเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มสูบหลังยุบสภา พรรคการเมืองทยอยเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะพรรคกระแสหลักทั้งพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ส่งครบ 3 รายชื่อ แม้ยังไม่เป็นทางการ ขณะที่พรรคเพื่อไทยยังอุบชื่อ แต่ทุกสัญญาณสะท้อนว่า "ส้ม-แดง-น้ำเงิน" เตรียมพร้อมรบเต็มที่ ซ้ำยังมั่นใจว่าผลลัพธ์รอบนี้ออกมามีเบียด

นายสติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินสนามเลือกตั้งครั้งใหม่ว่า แม้จะมี 3 สี 3 ขั้วก็จริง แต่คู่ชิงมีเพียง 2 พรรคก คือ พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ทั้ง 2 พรรคต่างมีกลยุทธ์ตัวเองไม่ทับซ้อนกัน พรรคภูมิใจไทยเป็นแบบสไตล์บ้านใหญ่ ด้วยความเป็นรัฐบาล มีอำนาจรัฐ อำนาจทุนเต็มไม้เต็มมือ เครือข่ายทางการเมืองเพียบพร้อม เตรียมใช้สิ่งเหล่านี้โกยเสียงโกยคะแนนหวังชนะเป็นที่หนึ่ง แต่อาจจะมีจุดอ่อนในเรื่องการสร้างกระแสแผ่วไปจากสารพัดปัญหาในช่วงนี้ที่อาจส่งผลต่อการเติมคะแนนเสียง

ส่วนพรรคประชาชน มากับกระแสด้วยแนวนโยบาย จุดยืนทางการเมือง โดยไม่สนเรื่องบ้านใหญ่ หรือ อำนาจรัฐ แต่เน้นเรื่องสร้างกระแส ปลุกความหวัง เน้นเป็นทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่

"เอาจริงๆ มัน 3 สี 3 ขั้วก็จริง แต่ดูเหมือนคู่ชิงจะเป็นส้ม-น้ำเงิน เพราะแดงแผ่วแล้ว เป็นตัวแปรที่สำคัญมากต่อจำนวนส้มและน้ำเงิน โอกาสที่จะแซงที่หนึ่งแซงน้ำเงินหรือส้มยาก ไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ... การเลือกตั้งรอบนี้ "กระแสกับกระสุน" พอ ๆ กัน เพราะแต่ละฝ่ายคงใช้จุดแข็งของตัวเองเต็มที่ แต่ผลลัพธ์บอกยาก เชื่อว่าผลลัพธ์รอบนี้ออกมามีเบียด ผมยังจินตนาการ ผลการเลือกตั้งตอนปี 39 พรรคความหวังใหม่กับพรรคประชาธิปัตย์เฉือนกัน 2 ที่นั่ง 125 กับ 123 ประมาณนั้น"นายสติธร กล่าว

*จับตาตัวแปรชี้ขาด

สำหรับตัวแปรในการเลือกครั้งนี้ นายสติธร มองว่า พรรคแกนนำใดไปหาเสียง สส.จากพรรคอื่น ๆ มาเติมได้ พรรคนั้นมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสูง ซึ่งพรรคตัวแปรรอบนี้ คือ พรรคเพื่อไทย พรรคกล้าธรรม หรือ แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ไม่น่าจะได้ สส.เกิน 20 ที่นั่ง

"เอาแบบสนุกสุดเหวี่ยง ประชาชนกับภูมิใจไทยเกิดได้ที่นั่งเท่ากัน แปลว่าทั้งสองพรรคแข่งกันไปหาเพื่อนมาได้ ใครรวมเสียงได้ 250 ตั้งรัฐบาลได้ ถ้าดู 3 ชื่อนี้ สีน้ำเงินได้เปรียบ"นายสติธร กล่าว
*ประเมินภูมิใจไทย โอกาสถึง 150 ที่นั่ง

นายสติธร เชื่อว่า พรรคภูมิใจไทยคงจับมือกับพรรคกล้าธรรมได้แน่ ๆ พรรคประชาชนคงไม่ชวนแน่ และประเมินว่า เลือกตั้งรอบนี้ พรรคกล้าธรรมมีโอกาสได้ที่นั่งใกล้เคียงพรรคเพื่อไทย

หากประเมินที่นั่งของพรรคภูมิใจไทยวันนี้ โอกาสจะถึง 150 ที่นั่งได้เช่นกัน ประเมินง่าย ๆ ตั้งหลักจาก สส.เดิมที่อยู่ประมาณ 70 สส. และรวมกับ สส.พรรคอื่นที่แห่กันย้ายซบ ณ ตอนนี้ ทั้ง สส.จากรวมไทยสร้างชาติ สส.จากชาติไทยพัฒนาหรือ สส.จากเพื่อไทยที่ไหลเข้ามา จึงทำให้พรรคภูมิใจไทยมีโอกาสได้ สส.เขตถึง 140 ที่นั่ง และลุ้น สส.แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มเติม ก็มีโอกาสถึง 150 ที่นั่งได้ ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะเห็นการชิงจัดตั้งรัฐบาลได้เลย

"ถ้าผมฟันธงแบบไม่คิดอะไรเยอะ ผมคิดว่า พรรคภูมิใจไทยได้ที่หนึ่ง และถ้าเท่ากัน ยิ่งเข้าทางภูมิใจไทย เพราะโอกาสภูมิใจไทยชวนพรรคอื่น ๆ มาง่ายกว่าประชาชน"นายสติธร กล่าว
*ประเมินพรรคประชาชนเต็มที่ไม่เกิน 160 เสียง

ขณะที่ประเมินว่า ถ้าพรรคประชาชนได้ระดับ 200 ที่นั่ง สส.การจับมือกับพรรคเพื่อไทยจะง่ายสุด เพราะเคยเป็นเนื้อเดียวกันมาก่อน แต่การที่พรรคประชาชนได้ถึง 250 ที่นั่งนั้น นายสติธร มองว่า เป็นเรื่องที่ยากมาก หากให้เต็มที่จากสถานการณ์ปัจจุบัน แคนดิเดตที่เปิดตัวมา และกระแสที่ยังพอมีเต็มที่เชื่อว่าจะได้ที่นั่ง สส.151 ที่นั่ง เท่าการเลือกตั้งเมื่อปี 66

และหากวันนี้กระแสยังแรงเท่าเดิม กระแสบวก-ลบ ก็ได้ประมาณนี้ ถ้าบวกไม่น่าเกิน 160 ที่นั่ง ถ้าลบก็ไม่น่าต่ำกว่า 140 ที่นั่ง เพราะฉะนั้น 250 จะไปหวังตรงไหน ซึ่งหากพรรคประชาชนได้ 150 ที่นั่งบวก-ลบก็ยังมีโอกาสเป็นพรรคอันดับ 1 ได้

*จับตาสูตรตั้งรัฐบาล หากใกล้เคียงมีลุ้นจับมือ, ห่างกันมีสิทธิ์แยกทาง

นายสติธร กล่าวว่า หากผลการเลือกตั้งคะแนนเสียงของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน 140-150 เสียงทั้งสองพรรค เราอาจได้เห็นรัฐบาล 2 พรรคใหญ่ เพราะหากมีภารกิจร่วมกันต่อเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อาจเกิดสูตรนี้ได้

แต่หากพรรคประชาชนได้ 180 ที่นั่ง ภูมิใจไทยได้ 130 ที่นั่ง แบบนี้อาจจะไม่จับมือกัน เพราะหากรวมกันจะกลายเป็นรัฐบาลที่ใหญ่เกินไป
*เชื่อแคนดิเดตเพื่อไทย ยังมีตระกูล "ชินวัตร" ชี้ตัวแปรสำคัญ

ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังถือว่ามีบทบาทกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ นายสติธร มองว่า นายทักษิณดูเหมือนจะถูกจำกัดบทบาท ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร แต่การอยู่ในเรือนจำกับนอกเรือนจำ บทบาทไม่เท่ากันอยู่แล้ว แม้วันนี้นายทักษิณ ยังมีบทบาทอยู่ในหน้าข่าว แต่เวลารัฐบาลทำอะไรผิดพลาด เมื่อครอบครัวไปเยี่ยมที่เรือนจำกลับไม่มีคำแนะนำอะไรออกมา เพื่อบอกหรือเตือนรัฐบาล อาจเป็นเพราะอยากจะแนะนำเฉพาะพรรคเพื่อไทยเอาไว้โชว์ตอนหาเสียง หรือ เป็นเพราะถูกลดบทบาทไว้ เพื่อให้พรรคภูมิใจไทยแก้ปัญหาเอง

อย่างไรก็ตาม นายสติธร มั่นใจว่า แคนดิเดตใน 3 คนของพรรคเพื่อไทย ต้องมีเครือญาติตระกูลชินวัตร ในเมื่อพรรคเพื่อไทยไม่สามารถท้าท้ายเป็นที่ 1 ได้ ก็ต้องรักษาเท่าที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด และหากไม่มีคนในตระกูลชินวัตรอาจเป็นส่งสัญญาณลบว่าตระกูลชินวัตรจะถอยจากการเมืองแล้วหรือไม่ ไม่ทำแล้วหรือไม่ และถือเป็นการรักษาระดับในการเป็นพรรคตัวแปรได้ และพรรคอันดับ 1 หรือ 2 ก็ต้องมาชวน ซึ่งแบบนี้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

https://youtu.be/S4cyV6c53GI


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ