นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงถึงความสำคัญและผลกระทบของการจัดให้มีการเลือกตั้งในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร เพื่อคลายข้อสงสัยต่อสาธารณะ โดยระบุว่า การเลือกตั้งจะต้องจัดขึ้นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร หากจัดให้มีการเลือกตั้งไม่พร้อมกัน จะส่งผลให้การเลือกตั้ง เป็นโมฆะ คือ เสียเปล่า ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายตั้งแต่แรก
เลขาธิการ กกต. ได้เปิดเผย 2 แนวทางหลักในการดำเนินการ หากเกิด "เหตุจำเป็น" ที่อาจทำให้การเลือกตั้งไม่สามารถจัดขึ้นในวันเดียวได้
- แนวทางแรก เลือกตั้งตามวันเลือกตั้ง "วันเดิม" ที่ กกต. กำหนดใว้ตามมาตรา 103 ของรัฐธรมมนูญ กล่าวคือเลือกตั้งภาย 60 วันหลังมีการยุบสภา (ไม่เลื่อนวันเลือกตั้งออกไป หรือไม่กำหนดวันเลือกตั้งใหม่) โดยหลักการ "นำคน(ผู้มีสิทธิ)ไปหาหน่วย" เป็นการบริหารในสถานการณ์พิเศษ หรือพื้นที่พิเศษ (กรณีนำหน่วยมาหาคน(ผู้มีสิทธิ)ยังมีข้อจำจัดทางกฎหมายอยู่)
- เลือกตั้งตามวัน "ที่กำหนดขึ้นใหม่ ตามมาตรา 104 กรณีมี "เหตุจำเป็น" แต่ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 30 วันนับแต่เหตุจำเป็นนั้นสิ้นสุดลง(เหตุจำเป็นมีลักษณะปลายเปิด แต่การกำหนดวันเลือกตั้งมีลักษณะปลายปิด)
สำหรับกรณีการประกาศกฎอัยการศึก นายแสวง ระบุว่า การประกาศดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ และอาจประกาศครอบคลุมทั้งประเทศหรือเฉพาะบางพื้นที่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม การประกาศกฎอัยการศึก ไม่ใช่ทุกกรณีจะถือเป็นเหตุจำเป็นตาม มาตรา 104 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีว่าเนื้อหาของประกาศกฎอัยการศึกนั้น ส่งผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งหรือไม่ หากเข้าข่ายเป็นเหตุจำเป็น จึงจะสามารถนำไปใช้เป็นเหตุในการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้
นายแสวง ย้ำว่า ไม่ว่าจะมีเหตุจำเป็นหรือไม่ เมื่ออายุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง หรือมีการยุบสภา คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 หรือมาตรา 103 ก่อนเสมอ จึงจะสามารถพิจารณาการใช้มาตรา 104 ได้ในลำดับถัดไป