นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการจัดทำประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า มติ ครม.ให้ส่งคำถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมความเห็นของ ครม. และคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ซึ่งทุกอย่างจะอยู่ที่การพิจารณาของ กกต. โดยยืนยันว่า ทำตามกฎระเบียบทุกอย่าง
ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 นั้น นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ความเห็นว่า อาจจะมีผลผูกพันกับรัฐบาลหน้า ซึ่งอาจเกิดความเสี่ยง จึงขอให้ถอนเรื่องออกไปก่อน และทางเลขาธิการกฤษฎีกาจะทำเรื่องชี้แจงต่อไป
"ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของกกต. แต่ในฐานะที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ถ้ากกต. ประสานมาให้ทำอะไร เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เราก็ต้องดำเนินการตามทุกเรื่อง" นายอนุทิน กล่าวนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดทำร่างประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลได้พิจารณาในหลายแนวทาง รวมถึงข้อกฎหมาย จึงมีความเห็นออกมาเป็น 2 แนวทาง คือ
แนวทางที่หนึ่ง คือ เสนอโดยความเห็นของครม. แต่จะมีเรื่องประเด็นข้อกำหนดระยะเวลาตามมา
แนวทางที่สอง คือ ใช้ตามมาตรา 9(4) คือรัฐบาลเสนอโดยความเห็นชอบของรัฐสภา
ซึ่งทั้ง 2 แนวทางนี้ทางสุดท้าย กกต. จะเป็นผู้พิจารณา โดยมีความเห็นไปจากรัฐบาลว่า อยากจะให้การลงผลประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ทั้งนี้ยังต้องรอความเห็นจากทาง กกต. อีกครั้งหนึ่งคาดว่าหาก กกต. ไม่ขัดข้อง น่าจะมีไทม์ไลน์ออกมา ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายในสิ้นปีนี้
ส่วนการทำประชามติยกเลิก MOU43-44 จากการศึกษาของคณะทำงานและคณะกรรมาธิการเห็นว่า MOU43 ยังมีผลในการบังคับใช้อยู่อาจใช้วิธีการปรับปรุงแทน แต่ MOU44 ซึ่งมีการประชุมห่างจากครั้งแรกถึง 20 ปี ในทางปฏิบัติเห็นว่าไม่มีผลบังคับใช้จึงจะขอทำประชามติยกเลิก MOU44 เนื่องจากทางกฤษฎีกาเห็นว่าจะมีผลผูกพันไปยังรัฐบาลหน้า และไม่มีประเด็นหรือเจตจำนงยืนยันจากรัฐสภา การทำประชามติยกเลิก MOU 43-44 จึงไม่สามารถดำเนินการได้