นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษมีมติเห็นชอบเลือกใช้คำถามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 โดยกำหนดคำถามว่า "ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่"
นอกจากนี้ มีมติเห็นชอบให้กำหนดวันออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป คือวันที่ 8 ก.พ.69 เพื่อใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างคุ้มค่า ลดภาระงบประมาณ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการใช้สิทธิในคราวเดียว และช่วยลดภาระด้านการจัดการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบคำถามประชามติ ซึ่งเป็นคำถามของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อส่งให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งการนำเข้าที่ประชุมครม.วันนี้ เพื่อให้ได้มติที่ถูกต้อง
ด้านนายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้ส่งคำถามไปให้ กกต. 2 คำถาม ซึ่งในส่วนของ ครม. เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ จึงต้องรักษาสัจจะ และตั้งคำถามที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประชามติ แต่คำถามที่รัฐสภาส่งมา ไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ประชามติ เพราะฉะนั้นเมื่อ กกต.ต้องการให้ ครม.เลือกเพียงคำถามเดียว ก็ต้องเลือกคำถามของ ครม.
"ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติที่ ครม.เลือกแบบนี้ แต่ที่ส่งคำถามของรัฐสภาไปตอนแรก ก็เพื่อให้เกียรติว่าเราเคารพมติของรัฐสภา ไม่ส่งไม่ได้ แต่ถ้าส่งคำถามของรัฐสภาเป็นคำถามเดียว แล้ว กกต.บอกว่าทำไม่ได้ จะเป็นเรื่องใหญ่ จึงเป็นเหตุให้ ครม.ต้องส่งคำถามประกบ" นายบวรศักดิ์ กล่าวส่วนก่อนหน้านี้คณะกรรมการกฤษฎีกา เคยแย้งว่าการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ต้องใช้คำถามจากรัฐสภา นายบวรศักดิ์ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและตนมีความเห็นตรงกันว่าควรส่งคำถาม 2 คำถาม เพื่อป้องกันข้อครหาว่า ครม.ไม่ให้ความสำคัญกับรัฐสภา ทั้งที่ทราบดีว่าคำถามของรัฐสภามีปัญหาทางกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยอภิปรายในสภาว่า คำถามของรัฐสภาจะมีปัญหา เพราะต้องเป็นคำถามของแต่ละสภา เมื่อมีปัญหาหลายเรื่อง ทั้งตัวคำถามและตัวมติ แต่ที่ส่งคำถามไป ก็เพื่อให้เกียรติรัฐสภา ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ก็มีความเห็นตามแนวทางของตนที่กล่าวมาด้วย
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อครม.มีมติเห็นชอบคำถามประชามติของ ครม. จะต้องส่งเรื่องให้ กกต.ดำเนินการต่อ โดย กกต.ต้องออกประกาศเกี่ยวกับการทำประชามติภายใน 15 วัน หรือไม่เกินวันที่ 2 ม.ค. 69 เพื่อให้สามารถจัดการออกเสียงประชามติพร้อมกับวันเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 69
นายบวรศักดิ์ ได้ปฏิเสธข้อโต้แย้งของนักวิชาการที่ระบุว่า ไม่สามารถทำประชามติพร้อมวันเลือกตั้งได้ โดยระบุว่ากฎหมายประชามติ มาตรา 11 เปิดช่องให้ ครม. กำหนดวันได้เร็วกว่า 60 วันหากมีเหตุจำเป็น ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณได้กว่า 4,000 ล้านบาท และลดภาระประชาชนไม่ต้องออกไปใช้สิทธิ์ซ้ำซ้อน