นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี จากกรณีที่ สมาชิกสภาชิสภาผู้แทนราษฎรได้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.51 ไม่ถูกต้องรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 3
คำร้องดังกล่าวระบุว่า ในการลงคะแนนเสียงสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เมื่อตรวจสอบองค์ประชุมและการลงมติของ ส.ส.พบว่ามีองค์ประชุม 437 คน ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่าผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง คือ 235 เสียง
แต่การประชุมในวันนั้นมีส.ส.ที่ลงคะแนนเสียงให้กับนายอภิสิทธิ์ 219 เสียง และในจำนวนนี้มี 46 คน ที่เป็นส.ส.ซึ่งสังกัด 3 พรรคการเมืองที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค คือพรรคพลังประชาชน พรรคมัฌชิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย แต่ในขณะนั้นยังไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด จึงถือว่าเสียงที่สนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง โดยนายอภิสิทธิ์ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจริงเพียง 189 เสียง
"ถือว่าการกระทำดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง คือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ"นายเรืองไกร ระบุ
นายเรืองไกร ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่ออัยการสูงสุด แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญระบุเหตุผลในการรับคำร้องให้วินิจฉัยขั้นตอนการการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุด และสามารถยื่นคำร้องได้โดยตรง จึงมายื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยกเลิกการบริหารราชการแผ่นดินของนายอภิสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งแม้ขณะนี้การบริหารงานของนายอภิสิทธิ์จะล่วงพ้นไปแล้ว และยังเป็นเหตุให้สามารถสั่งยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคได้