"วิทยา"สั่ง อย.ลดขั้นตอนออกใบอนุญาตผลิตถุงมือยางพาราช่วยแก้ปมราคาตกต่ำ

ข่าวการเมือง Sunday October 21, 2012 14:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รมว.สาธารณสุข(สธ.) ขานรับนโยบายรัฐบาลที่จะกระตุ้นราคายางดิบในประเทศ โดยสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ลดขั้นตอนการออกใบอนุญาตให้ผู้ผลิตถุงมือตรวจโรคจากน้ำยางพาราให้รวดเร็วขึ้น สามารถดำเนินการผลิตได้ทันทีเมื่อได้รับใบจดทะเบียนสถานประกอบการ ไม่ต้องยื่นขออนุญาตซ้ำอีก เพื่อสนับสนุนธุรกิจการส่งออกถุงมือที่ใช้ในการแพทย์ แข่งขันกับต่างประเทศได้ แต่ยังคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐานระดับสากล เร่งออกประกาศกระทรวงฯให้เสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้

"รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการนำน้ำยางพาราดิบที่ผลิตในประเทศมาแปรรูปให้มีมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มปริมาณการใช้น้ำยางดิบให้มากขึ้น ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ดำเนินการประชุมผู้ประกอบการถุงมือที่ใช้ทางการแพทย์ โดยเฉพาะถุงมือตรวจโรคซึ่งเป็นถุงมือที่มีคุณภาพสูง มีความเหนียว ใช้ป้องกันการติดเชื้อได้ เพื่อให้หันมาใช้น้ำยางพาราดิบเป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยจะปรับลดขั้นตอนการออกใบอนุญาตให้เร็วขึ้น เน้นแนวทางการควบคุมเป็นไปตามหลักสากลสอดคล้องกับอาเซียน ที่มีการควบคุมเฉพาะคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ซึ่งขณะนี้ได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่าสามารถดำเนินการได้ โดยจะออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด" นายวิทยา บุรณศริ รมว.สาธารณสุข กล่าว

นอกจากนี้ยังมีนโยบายให้ อย.เพิ่มบทบาทในการสนับสนุนส่งเสริมกำกับผู้ประกอบการให้มากขึ้นและเป็นไปตามลำดับขั้นตอน กรณีพบผู้กระทำผิดผลิตหรือนำเข้าถุงมือทางการแพทย์ที่คุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น พิจารณาบทลงโทษตามเจตนา ความรุนแรงของผลกระทบ หรือเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก และให้ อย.ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ถุงมือทางการแพทย์ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน เลือกซื้อและใช้ถุงมือทางการแพทย์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่นไม่ควรนำถุงมือชนิดใช้งานทั่วไปมาใช้แทนถุงมือการตรวจโรค และยังได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจรับรองระบบคุณภาพของโรงพยาบาล(Hospital accreditation) รับทราบปัญหาการใช้ถุงมือผิดประเภท เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

ทั้งนี้ การปรับแนวทางการควบคุมดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพของมาตรฐานของถุงมือสำหรับการตรวจโรคแต่อย่างใด เพราะภาครัฐยังคงควบคุมคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด แต่จะส่งผลดีกับอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือสำหรับการตรวจโรคของไทย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่มีมูลค่าการส่งออกประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท ซึ่งการลดขั้นตอนการทำงานของรัฐให้รวดเร็ว เอื้อต่อการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนครั้งนี้ จะทำภาคธุรกิจไทยทันต่อการแข่งขันด้านการส่งออกในตลาดโลก รวมถึงยังเป็นการกระตุ้นให้มีการผลิตและใช้ถุงมือสำหรับการตรวจโรคที่ทำจากน้ำยางพาราดิบให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการใช้และราคาน้ำยางดิบในประเทศเพิ่มขึ้น

ด้าน นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ปัจจุบันถุงมือสำหรับการตรวจโรคจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องได้รับใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้าเครื่องมือแพทย์ โดยผู้ผลิตหรือนำเข้าต้องยื่นคำขอจดทะเบียนสถานประกอบการเมื่อประสงค์จะผลิตหรือนำเข้าเพื่อจำหน่าย และจะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตของถุงมือสำหรับการตรวจโรคด้วย ในขณะที่สากลจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นการปรับแนวทางการควบคุมถุงมือตรวจโรคให้สอดคล้องดังกล่าวจะตัดขั้นตอนการขอใบอนุญาตที่ต้องใช้เวลาการพิจารณาประมาณ 30 วันออกไป โดยยังคงมีการควบคุมมาตรฐานอย่างเข้มงวดเช่นเดิม ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศสามารถผลิตจำหน่ายและส่งออกได้รวดเร็วขึ้น ทันต่อความต้องการของลูกค้าและตลาดโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ