"นพดล"วอนปชป.หยุดนำการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารโยงคดีเขมรยื่นตีความคำตัดสินศาลโลก

ข่าวการเมือง Monday January 7, 2013 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวในแถลงการณ์เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดนำเรื่องการขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกในปี 51 มาโยงกับคดีที่กัมพูชายื่นตีความคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505
"ตราบใดที่พรรคประชาธิปัตย์บิดเบือนข้อมูล ก็ต้องขอความเป็นธรรมสื่อเพื่อชี้แจงให้คนไทยได้ทราบ ตนแปลกใจว่าทำไมพรรคนี้ต้องโยนความผิดให้คนอื่น ศาลโลกก็ยังไม่ได้ตัดสิน ไม่รู้ว่าเราจะชนะหรือแพ้ นี่ถ้าชนะพวกนี้คงโอ้อวดไปทั่วว่าเห็นไหมพวกตนบริหารประเทศและทะเลาะกับเพื่อนบ้านจนกัมพูชาไปยื่นตีความที่ศาลโลก แต่ถ้าผลออกมาอีกแบบ ผมคาดว่าจะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งถล่มรัฐบาล และโทษทุกคนนอกจากตนเอง ผมถามว่าในขณะนี้พวกคุณต้องการป้ายสีคนอื่นเพื่ออะไร ทำไมไม่พูดความจริงกับประชาชน"

พร้อมระบุว่า คดีที่อยู่ในศาลโลกขณะนี้ เป็นคดียื่นตีความคำตัดสินศาลโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว และตัวปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์น่าจะรู้ดี เพราะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ในทีมทนายที่ว่าความในเรื่องนี้ ปัญหามันเกิดเพราะกัมพูชาเขาเอาตัวปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ภูเขาพระวิหารทั้งหมดไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี 2549รัฐบาล คมช.จึงคัดค้าน

และพอรัฐบาลสมัครชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล จึงต้องรับเรื่องต่อจากรัฐบาล คมช. และต้องเจรจาขอตัดพื้นที่ทับซ้อนออกเพราะไทยถือว่าเป็นของเรา และกัมพูชายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออกมา และขอขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทที่เป็นของเขาตามศาลโลกตัดสิน ตามที่ระบุในข้อ 9 ของมติคณะกรรมการมรดกโลก 7 ก.ค.51 เรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร การเจรจาตัดพื้นที่ทับซ้อนออกได้ระบุไว้ในคำแถลงการณ์ร่วม จะเห็นว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็นการปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อนและเพื่อนข้าราชการทหาร ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ และสภาความมั่นคงร่วมเห็นชอบกับแนวทางนี้

ส่วนที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าแม้ศาลไทยสั่งให้คำแถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะ แต่กัมพูชาก็ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารได้อยู่ดีนั้น ความจริงคือเมื่อตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาเขาจึงสามารถขึ้นทะเบียนได้ โดยไม่ต้องอาศัยคำแถลงการณ์ร่วมเลย และเขายื่นเรื่องในปี 2549 ก่อนพวกตนเข้ารับตำแหน่ง และมติคณะกรรมการมรดกโลก 7ก.ค51 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามไม่ให้นำคำแถลงการณ์ร่วมเข้าสู่การพิจารณาและให้ตัดออก ตามคำสั่งของศาลปกครอง

นี่คือหลักฐานและข้อมติที่ชัดเจน นายชวนนท์น่าจะหามาอ่านจะได้เข้าใจ แต่จงใจไม่พูดถึง และออกมาแถลงข่าวบิดเบือนทำลายกันโดยไม่มีเอกสารอ้างอิง

"นายชวนนท์ ไม่ต้องประดิษฐ์วาทกรรมเรื่องให้ใครไปล้างบาป อีกไม่นานทุกคนจะรู้ว่าใครก่อบาปไว้ ผมมีความจริงและเอกสารทุกชิ้น ผมขอท้าและเพิ่มเงินอีกเป็น 2 ล้านช่วยคนปัญญาอ่อน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีมติคณะกรรมการมรดกโลกที่ระบุว่าคำแถลงการณ์ร่วมทำให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหารได้ และผมขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดนำเรื่องการขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกในปี 2551 มาโยงกับคดีที่กัมพูชายื่นตีความคำตัดสินของศาลโลกในปี 2505 เพราะมันคนละเรื่อง คนละเวทีกัน" นายนพดลกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ