In Focusจีนยุค "สี จิ้นผิง" กับภารกิจปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐ ปราบปรามทุจริต

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 13, 2013 13:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในเร็วๆนี้ จีนจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่มาพร้อมกับจุดแข็งในการปฏิรูปการทำงานของหน่วยงานรัฐบาล และการปราบปรามการทุจริต ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่มีมานานไม่ว่าจะในประเทศใดก็ตาม

สี จิ้นผิง ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ เป็นชาวฮั่นที่มีพื้นเพมาจากเมืองฟูผิง มณฑลส่านซี จบการศึกษาด้านวิศวกรรมเคมีจาก Tsinghua University มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนในกรุงปักกิ่ง เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ เลขาธิการพรรคนครฝูโจว ประธานโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์นครฝูโจว ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน เลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ้อเจียง และมหานครเซี่ยงไฮ้

ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น จีนได้หารือเรื่องแผนการปรับโครงสร้างกระทรวงต่างๆ เพื่อปราบปรามการทุจริต ลดทอนการแทรกแซงการทำงานจากภาครัฐ เพิ่มความโปร่งใส และประสิทธิภาพในการทำงาน ตลอดจนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการกำกับดูแลด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหาร ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนที่มีมานานในประเทศ

การผนวกรวมด้านการทำงาน

ปัญหาที่คณะรัฐมนตรีจีนได้เผชิญมาเนิ่นนานก็คือ การจัดสรรระบบการทำงานที่ทับซ้อนหรือหลากช่องทาง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่บางรายทุจริต ซึ่งส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประชาชน การที่จะจัดโครงสร้างให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ทางคณะรัฐมนตรีจีนจำเป็นต้องผนวกรวมระบบการทำงานของสถาบันที่มีลักษณะใกล้เคียงกันให้เหลือเพียงหน่วยงานของรัฐเพียงหน่วยงานเดียว อาทิ หน่วยงานด้านการลงทะเบียนที่อยู่อาศัย ป่าไม้ ที่ดิน ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงาน

คณะรัฐมนตรีจีนวางแผนที่จะจัดตั้งองค์กรที่ดูแลเรื่องการลงทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการปกป้องสิทธิตามกฎหมายของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็จัดตั้งระบบลงรหัสเครดิตทางสังคมโดยอิงกับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และรหัสสำหรับองค์กรและสถาบัน เพื่อต่อสู้กับการทุจริต

บทบาทที่ดีขึ้นสำหรับตลาดและการลงทุน

“ที่ผ่านมา การผลิตและการเดินหน้าโครงการใหม่ๆจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลาง ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดสำหรับการพัฒนาธุรกิจของเราเป็นอย่างยิ่ง" หลี่ เป่าหมิน ผู้บริหารของบริษัท เจียงซี คอปเปอร์ คอร์ป ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ที่สุดของจีน กล่าว

จากหนึ่งในเสียงสะท้อนที่มาจากภาคเอกชนทำให้รัฐบาลเล็งเห็นถึงความจำเป็นและออกแผนการปฏิรูปขึ้นมา สำหรับโครงการลงทุนต่างๆที่ต้องขอการอนุมัติจากรัฐบาลนั้น ต่อไปจะมีการกำหนดเส้นตายสำหรับการดำเนินการเพื่อให้มีการยื่นเรื่องขอดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินการที่เรียบง่าย โดยจะมีการมุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการใช้ที่ดินและพลังงานที่ดีขึ้น รวมถึงการปล่อยมลภาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนและการแข่งขันที่ไร้ระเบียบ

จีนลงดาบกระทรวงทางรถไฟ หวังขจัดการทุจริต

จีนเตรียมยุบกระทรวงทางรถไฟ เนื่องจากมูลค่าการทุจริตในหน่วยงานซึ่งมีพนักงานกว่า 2 ล้านคน และภาระหนี้สินของหน่วยงานนั้นมากกว่าหนี้ของประเทศเดนมาร์กทั้งประเทศ

จีนตรียมแตกกระทรวงทางรถไฟออกเป็นสำนักงานทางรถไฟแห่งรัฐและบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ คือ ไชน่า เรลเวย์ คอร์ป ซึ่งจะดูแลเกี่ยวกับการดำเนินการด้านพาณิชย์นอกจากนี้ หน่วยงานบางส่วนจะถูกโอนไปยัง สเตท เรลเวย์ แอดมินิสเตรชั่น ซึ่งจะอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงคมนาคม

กระทรวงทางรถไฟมีภาระหนี้สินถึง 2.66 ล้านล้านหยวน หรือ 4.28 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการแตกกระทรวงออกเป็นหน่วยงานย่อยๆลงนั้นก็เพื่อควบคุมการเข้ามาแทรกแซงของรัฐบาล และปรับปรุงในเรื่องความน่าเชื่อถือ

จีนเตรียมเข้มการใช้กฎหมายเพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร

เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่รุนแรงเกี่ยวกับการใช้กฎหมายและการใช้สารปรุงแต่งอาหารที่ผิดหลักการ คณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติจีนจึงได้รับรองกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหาร รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบที่สอดคล้องกับกฎหมาย

จีนยังได้เสนอให้มีการปรับปรุงกลไกในการประสานงานเรื่องความปลอดภัยในอาหาร และจัดตั้งกลไกในการติดตามความเสี่ยงและประเมินความปลอดภัยในอาหาร โดยในประเทศนั้น ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของน้ำดื่มเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในเมืองและชนบท จีนจึงเตรียมเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องการปกป้องและบริหารแหล่งน้ำดื่ม

หลากมุมมองที่มีต่อว่าที่ผู้นำคนใหม่ของแดนมังกร

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโรยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ กล่าวถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจจีนว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนนั้นถือว่าอ่อนตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 ส่วนอัตราการขยายตัวของการปล่อยกู้และยอดค้าปลีกก็ชะลอตัวลง ถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต้องการลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน

ขณะที่ศาสตราจารย์จาง เตาฟู แห่งมหาวิทยาลัยฟูตัน มองว่า หลังจากที่จีนได้ปฏิรูปมาอย่างต่อเนื่องในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา จีนได้ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในเรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่ในแง่ของวัฒนธรรมและความคิดแล้ว เรียกได้ว่า ยังคืบหน้าไม่เท่าไร

ส่วนรองศาสตราจารย์เฉิน หยาว แห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เจียว ตง กล่าวถึงกระทรวงทางรถไฟของประเทศไม่เคยห่างเหินจากการทุจริต ระบบข้าราชการ หรือการใช้อำนาจในการบริหารที่ไม่ถูกต้องเลย และผู้นำใหม่ของประเทศก็ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะเอาจริง และจริงจังกับการทำให้รัฐบาลปลอดจากการทุจริตและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทางด้านคิม จิน โฮ ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยดากุกของเกาหลีใต้ กล่าวว่า การปฏิรูปและเปิดประเทศ รวมทั้งการสร้างแนวคิดสังคมนิยมด้วยคาแรคเตอร์แบบจีนนั้นถือเป็นกุญแจในการทำความฝันของประเทศให้เป็นจริง ประเทศที่ปราศจากความฝันจะไม่สามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างประเทศที่มีความแตกต่างกัน

นักวิเคราะห์รายอื่นๆกล่าวว่า ความฝันของจีนนั้นส่งผลกระทบไปทั่วโลก เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีประชากรถึง 1 ใน 5 ของประชากรโลก และยังสร้างโอกาสอีกมากให้กับประเทศอื่นๆ

การซึมซับกับบทบาทใหม่

ในงานเลี้ยงระหว่างการประชุมช่วงหลังตรุษจีนเมื่อเดือนที่แล้ว สี จิ้นผิง ขอให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความอดทนต่อเสียงวิจารณ์ และยอมรับซึ่งความเห็นต่าง “พรรคควรจะสามารถรับมือกับเสียงวิจารณ์ได้อย่างชาญฉลาด แก้ไขข้อผิดพลาด หากว่าให้สัญญาแล้วว่าจะดำเนินการในสิ่งนั้นๆ"

การส่งสัญญาณของทางรัฐบาลในด้านต่างๆนั้น เริ่มจะแพร่กระจายไปยังหมู่เจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไปแล้ว แม้แต่กระทั่งเรื่องการกินทิ้งกินขว้าง โดยมีเรื่องเล่าในการรายงานของสื่อต่างประเทศว่า ในงานเลี้ยงอาหารกลางวันสำหรับสื่อมวลชนงานหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเมือง มีผู้สื่อข่าวรายหนึ่งขอน้ำผลไม้แก้วใหญ่กว่าเดิมจากพนักงานเสิร์ฟ ซึ่งพนักงานเสิร์ฟก็บอกว่าพร้อมที่จะนำน้ำผลไม้แก้วใหญ่กว่าเดิมมาให้ แต่ก็ไม่วายกำชับในทำนองที่ว่า ต้องดื่มให้หมดอย่าเหลือทิ้งเป็นอันขาด

นอกเหนือไปจากแคมเปญในการเลิกกินทิ้งกินขว้างตามงานเลี้ยงแล้ว ทางการจีนยังได้เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานอื่นๆอีก อาทิ การยกเลิกงานเลี้ยงแบบพรมแดง หรือการควบคุมการจราจรเป็นพิเศษสำหรับขบวนรถของเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาล

เหล่านี้ ล้วนเป็นสัญญาณที่น่าติดตามถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในแง่มุมต่างๆของจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ