ส.ส.ปชป.ยกทีมเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเรื่องเงินบริจาคจาก DSI,ลั่นเตรียมฟ้องกลับ

ข่าวการเมือง Tuesday April 23, 2013 16:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ พร้อมด้วยนายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นำทีม ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ปชป.จำนวน 30 คน จากทั้งหมด 44 คน ที่เป็นผู้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีหักเงินเดือน ส.ส.บริจาคให้พรรค ผิดวิธีจากที่ พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 57 วรรค 2 กำหนดไว้คือการระบุว่าการบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่สองหมื่นบาทขึ้นไปจะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงินหรือเช็คขีดคร่อม

นายวิรัตน์ กล่าวว่า คดีนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขอให้หักเงินเดือน ส.ส.บริจาคบำรุงพรรคการเมืองซึ่งสภาฯ ใช้วิธีจ่ายเช็ครวมกันเพียงใบเดียว แต่ทำบัญชีแจกแจงรายการตามรายชื่อ ส.ส. โดยพรรคได้ทำใบเสร็จส่งให้สภาฯ ทุกเดือนและรายงานบัญชีรายรับรายจ่ายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ทุกปี ตั้งแต่ปี 2550-2555 ซึ่ง กกต.ไม่เคยทักท้วงหรือแจ้งให้ปรับปรุงแก้ไข คดีนี้จึงไม่ใช่อาชญากรรมและ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ใช่อาชญากร แต่กลับต้องตกเป็นผู้ต้องหาของดีเอสไอเนื่องจากรัฐบาลโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และพวก ได้ใช้เสียงข้างมากรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ

นายวิรัตน์ กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจกับ ส.ส.ทั้ง 30 คนว่ามีสิทธิที่จะไม่ลงรายมือชื่อรับทราบข้อกล่าวหา และมีสิทธิไม่ให้มีการบันทึกภาพและเสียงระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหาเพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่พนักงานสอบสวนมีอำนาจสั่งให้พิมพ์ลายนิ้วมือได้ โดยในชั้นนี้ผู้ต้องหาทุกคนจะปฏิเสธข้อหาเพราะมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิดตามกฎหมายพรรคการเมือง หากคดีนี้มีความผิดเลขาธิการสภาฯ และ กกต.ก็ต้องมีความผิดไปด้วย เพราะถือว่าเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละเว้นไม่แจ้งให้ทราบ หลังจากนี้ทีมกฎหมายจะหารือเพื่อฟ้องกลับทั้งทางแพ่งและอาญากับพนักงานสอบสวนดีเอสไอต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวว่า คดีดังกล่าวไม่ได้มีโทษรุนแรง แต่ดีเอสไอจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดตามที่มีผู้ร้องให้ตรวจสอบ ในชั้นนี้จะสอบสวนเฉพาะ ส.ส.ปชป.ที่บริจาคเงินเข้าพรรคผิดวิธี แต่จะไม่ขยายผลไปถึงเลขาธิการสภาฯ และ กกต.เพราะไม่มีผู้ร้องให้ดีเอสไอตรวจสอบ ทั้งนี้หาก ปชป.ยังใช้วิธีนี้ต่อไปและมีผู้ร้องดีเอสไอก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ขณะนี้ไม่ทราบว่า ปชป.ยังใช้วิธีหักบัญชีเงินเดือนเหมือนเดิมหรือไม่

สำหรับบรรยากาศการเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของ ส.ส.ปชป.ในวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกันด้วยรถบัส เนื่องจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ที่ไม่ติดภารกิจแสดงความจำนงที่จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกัน ซึ่งการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในครั้งนี้เกิดปัญหาในเรื่องสถานที่ แม้ก่อนหน้านี้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ จะสั่งการให้จัดสถานที่ห้องประชุมและทีมรักษาความปลอดภัยเพื่ออำนวยความสะดวกส.ส.จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกันหลายคน แต่ พ.ต.อ.นิรันดร์ ยืนยันที่จะสอบปากคำที่ห้องทำงานผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ทำให้ ส.ส.ที่เดินทางมาไปที่สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 อาคารศูนย์ราชการบี

นอกจากนี้ฝ่ายกฎหมายพรรค ปชป.ยังขอให้แจ้งข้อหารวมให้กับผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมกัน เพราะเป็นความผิดคดีเดียวกัน แต่พนักงานสอบสวนยืนยันจะแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำเป็นรายบุคคลเฉพาะที่นัดไว้ 6 คนเท่านั้น เพราะต้องใช้เวลาสอบปากคำผู้ต้องหาแต่ละคนอย่างละเอียด

ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พร้อมจะนั่งรอเพื่อให้การแจ้งข้อกล่าวหาแล้วเสร็จแม้จะต้องยืดเยื้อข้ามวันก็ยอม แต่พนักงานสอบสวนดีเอสไออ้างว่าอัยการมีภารกิจอื่นไม่สามารถร่วมสอบสวนข้ามวันได้ ทั้งนี้เมื่อ พ.ต.อ.นิรันดร์ ยืนยันจะแจ้งข้อกล่าวหาเป็นรายบุคคลเฉพาะที่นัดไว้ 6 คน ประกอบด้วย นายกนก วงษ์ตระหง่าน, นายกรณ์ จาติกวณิช, นายเกียรติ สิทธีอมร, นายกษิต ภิรมย์, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และนายโกวิทย์ ธารณา ทำให้ ส.ส.ที่เหลือต้องทยอยเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามวันและเวลาที่พนักงานสอบสวนกำหนดไว้ในภายหลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ