โพลล์หอการค้าชี้ปชช.มองโครงการภาครัฐทุจริตตั้งแต่ออกนโยบาย-ล็อกสเป็ก

ข่าวการเมือง Thursday June 27, 2013 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจทัศนะต่อความวิตกกังวลในการคอรัปชั่นโครงการของภาครัฐว่า ประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าโครงการของรัฐมีการคอรัปชั่นทั้งโครงการรับจำนำข้าว โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งประเทศระยะยาว 2.2 ล้านล้านบาท ตั้งแต่การกำหนดนโยบาย ล็อกสเป็กผู้เข้าร่วมประมูลงาน และคณะกรรมการจัดจ้าง ซึ่งเชื่อว่าทั้ง 3 โครงการมีการคอรัปชันสูงถึง 11-25% ของเงินงบประมาณ หรือ 5.5 แสนล้านบาท

ผลสำรวจระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าโครงการของรัฐที่ดำเนินการมีการคอรัปชั่นในระดับตั้งแต่ปานกลางถึงมากที่สุด โดยผู้ตอบกว่า 66% ระบุว่าการคอรัปชั่นส่งผลเสียต่อตัวเอง ชุมชน และประเทศชาติอย่างมาก โดยการคอรัปชั่นในโครงการต่างๆ ของรัฐนั้นส่วนใหญ่เป็นการคอรัปชันด้วยการกำหนดสเปกต์งาน, กำหนดคุณสมบัติบริษัทไม่เป็นธรรม, มีการฮั้วประมูล และมีเฉพาะข้าราชการเป็นกรรมการจัดจ้าง

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เมื่อแยกแต่ละโครงการ ประชาชนกังวลว่าในแต่ละขั้นตอนดำเนินการจะก่อให้เกิดการคอรัปชั่นในสัดส่วนที่สูง โดยในส่วนของโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทนั้นเชื่อว่าจะเกิดการคอรัปชั่นตั้งแต่การออกนโยบาย มีการล็อกสเป็กผู้เข้าร่วมประมูล และในขั้นตอนคณะกรรมการจัดจ้าง

ขณะที่โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่เห็นว่าน่าจะเกิดการคอรัปชั่นตั้งแต่กำหนดนโยบาย ตามด้วยการคอรัปชั่นในขั้นตอนล็อกสเป็กผู้ประมูล และขั้นตอนคณะกรรมการจัดจ้าง

ส่วนเมื่อถามว่า โครงการต่างๆ ของรัฐบาลจะมีการคอรัปชั่นกี่เปอร์เซ็นต์ของวงเงินงบประมาณ ผู้ตอบส่วนใหญ่เชื่อว่าจะมีการคอรัปชั่นในสัดส่วน 11-25% ของวงเงินงบประมาณ

“หอการค้าไทยได้ประเมินก่อนหน้านี้ว่า การคอรัปชั่นในโครงการต่างๆ มีประมาณ 10% ของงบประมาณโครงการ หรือปีละ 2 แสนล้านบาท คิดเป็น 2% ของจีดีพี ซึ่งถ้าคิดแค่โครงการรับจำนำข้าวที่ใช้เงินประมาณ 4 แสนล้านบาทถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และลงทุน 2 ล้านล้านบาท เป็นวงเงินรวมๆ กันประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท หากมีการทุจริต 20% จะเสียหาย 5 แสนล้านบาท แต่ถ้าเพิ่มเป็น 25% ก็จะเสียหายสูงถึง 5.5 แสนล้านบาท" นายธนวรรธน์กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ