"ศอ.รส." เสริมกำลังหน่วยเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังเหตุที่คลัง พร้อมประเมินสถานการณ์ทุกชม.

ข่าวการเมือง Monday November 25, 2013 18:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แถลงว่า สถานการณ์ในขณะนี้ที่มีการดาวกระจายบุกยึดกระทรวงการคลังและกรมประชาสัมพันธ์นั้น ยืนยันว่าเป็นการกระทำความผิดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 215 และ มาตรา 216 แต่ต่างกรรมต่างวาระ ส่วนแกนนำจะมีความผิดเพิ่ม รวมถึงเรื่องของความพยายามที่จะบุกฝ่าแนวกั้นตรงแยกพล.1 เข้าไปใน บช.น. ซึ่งในจุดนี้มีการเพิ่มมวลชนเข้าไป แต่เจ้าหน้าที่พยายามรักษาสถานการณ์โดยการตรึงกำลังเจ้าหน้าที่และยึดแนวทางข้อกฎหมายมีการแจ้งให้มวลชนทราบว่าขณะนี้กำลังทำผิดกฎหมายอย่างไรบ้าง และจะทำตามหลักกฎหมายสากล

ทั้งนี้ การดำเนินการของมวลชนผ่านขั้นตอนเรื่องของการปลุกระดมในขั้นที่ 1 สร้างความไร้ระเบียบของหน่วยงานราชการเข้าไปสู่การก่อความวุ่นวายและจลาจล เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนสุดท้าย คือ ก่อเหตุรุนแรงจากการที่เจ้าหน้าที่เข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนั้น

นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งว่ามีความพยายามที่จะใช้จักรยานยนต์ก่อเหตุทำลายทรัพย์สินของทางราชการเพื่อดึงกำลังเจ้าหน้าที่ออกมาระงับเหตุ ก่อนจะเข้าบุกยึด บช.น.

อย่างไรก็ตาม ได้กำชับฝ่ายกำลังให้อดทนอดกลั้น และให้หน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้ามาเฝ้าระวังเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งจัดหน่วยตรวจค้นโดยรอบสถานที่ที่ถูกยึด เช่น กระทรวงการคลัง เพื่อระมัดระวังการก่อเหตุรุนแรง

โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า สิ่งที่แกนนำกำลังทำเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย มีการปลุกเร้าให้มีการใช้กำลัง และทำให้ประชาชนเดือดร้อน เช่น นักเรียนไปโรงเรียนไม่ได้ ซึ่งแกนนำและผู้ชุมนุมต้องรับผิดชอบ โดยคดีเหล่านี้มีอายุความ 20 ปี

ทั้งนี้ ศอ.รส.อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์การชุมนุมเป็นรายชั่วโมงเพื่อพิจารณาว่าจะมีการยกระดับความเข้มข้นของกฎหมายที่จะมาดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่

หลังจากนี้ ศอ.รส.จะปรับขั้นตอนการทำงานเป็นขั้นที่ 4 มีประชุมทุกชั่วโมง...การยกระดับ จะมีทั้งเรื่องของกฎหมาย ขยายพื้นที่ และเวลา

"ขั้นตอนของกฎหมายที่จะดำเนินการ เริ่มตั้งแต่คงกฎหมายเดิมและเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปเป็นระลอกที่ 4 ถัดมาคือการขยายพื้นที่การบังคับใช้กฎหมาย ต่อมาขยายพื้นที่และขยายเวลา และ ยกระดับกฎหมายที่จะมาควบคุมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น"

สำหรับการเฝ้าระวัง ยืนยันว่า พื้นที่เป้าหมายคือพื้นที่ตามพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่จะต้องเฝ้าระวัง รวมถึงพื้นที่อื่นๆที่อยู่นอกเหนือจากพื้นที่พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแล และพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุปะทะกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ