กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Standard Chartered Bank , Hong Kong (สาธารณรัฐประชาชนจีน , สาขาฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China (Asia) (สาธารณรัฐประชาชนจีน,ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ ECP การันตีโดยธนาคาร Gazprombank (รัสเซีย) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) สัดส่วนการลงทุน 10%และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10%
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.05% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินเพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
“ตลาดตราสารหนี้โลกนั้นราคาตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯปรับตัวลดลงเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ0.01-0.09 ทางด้านอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนที่แล้ว และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ0.9จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือนตุลาคม ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวขึ้นร้อยละ 0.01-0.03 ยกเว้นพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับลงร้อยละ 0.03"นายฉัตรพี กล่าว