(เพิ่มเติม) "ธงทอง"เปิดเวทีระดมความเห็นประเทศไทยของเราจะไปทางไหนที่จัดโดยรัฐบาล

ข่าวการเมือง Sunday December 15, 2013 12:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เริ่มแล้ว งานสัมมนาระดมความห็น “ประเทศไทยของเราจะไปทางไหน" เพื่อหารือร่วมกับทุกภาคส่วนในการหาทางออกของประเทศซึ่งนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ทำหน้าที่ดำเนินการ ซึ่งมีตัวแทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วมงาน อาทิ 7 องค์กรธุรกิจ ข้าราชการ กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้แทนองค์กรศาสนา พุทธสมาคม สถาบันทางวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า สภาพัฒนาการเมือง รวมแล้วประมาณ 100 คน แต่ไม่ปรากฎตัวแทนของ กปปส. ส.ว.สรรหา เข้าร่วมงานแต่อย่างใด

นายธงทอง กล่าวว่า ที่มาของกิจกรรมวันนี้ ทุกท่านคงทราบดีว่าบ้านเมืองของเรา จะพูดว่าอยู่ในสภาวะวิกฤติก็คงไม่ผิด 2-3 วันที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณที่ดีที่มีการเปิดให้พูดคุยกัน เช่นเดียวกัน ผมได้รับมอบหมายจากนายกฯซึ่งได้แสดงต่อสาธารณะไปว่ารัฐบาลเองก็อยากจะมีเวทีสักเวทีขึ้นมา ซึ่งในถ้อยแถลงของนายกฯได้มอบหมายให้ผมเป็นผู้ประสานงาน การพูดคุยวันนี้ไม่ได้กำหนดว่าต้องมีประธาน หรือมีการโหวตลงมติแพ้ชนะกัน

สำหรับประเด็นปัญหาที่เป็นข้อถกเถียงทุกวันนี้ คือ มีพระราชกฤษฎีกา และกำหนดวันเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. 57 ขณะที่ความเห็นของกปปส.เห็นว่ายังไม่ควรมีการเลือกตั้ง ควรเลื่อนออกไปก่อน อีกความเห็นคือการเลือกตั้ง 2 ก.พ. เมื่อเป็นพระราชกฤษฎีกา เป็นกฏหมายแล้วก็เดินหน้าไป แต่ต้องมีกลไกอื่นในการเสริมความซื่อสัตย์สุจริต และต้องทำเป็นจังหวะขั้นตอนอย่างไร ส่วนอะไรจะทำก่อนหรือหลังก็มาถกเถียงกันก็แล้วกัน โดยในรอบแรกๆขอให้แสดงความเห็นท่านละ 5 นาที

นายวีระพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการอิสระ กล่าวตอนหนึ่งว่า ข้อเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อนนั้น ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ และในรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้รัฐบาลยุบสภาฯ แล้วต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้นักการเมืองเลื่อนการเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของตนเอง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถทำให้โปร่งใสได้โดยไม่ต้องรอให้มีสภาประชาชนขึ้นมาตามที่ กปปส. อ้าง โดยใช้มาตรา 25 ของกฎหมายประกอบการเลือกตั้ง ที่เปิดโอกาสให้บุคคลและภาคเอกชนส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้ง หากพบการกระทำความผิด ระเบียบของ กกต.สามารถลงโทษได้ถึงขั้นยุบพรรคสำหรับแนวทางปฏิรูปที่ง่ายที่สุดคือจัดการเลือกตั้งและให้รัฐบาลใหม่อยู่บริหารงาน เพียง 2 ปี และยุบสภาฯ ในระหว่างนั้นรัฐบาลต้องวางกลไกการปฏิรูปประเทศ เพื่อผูกมัดระหว่างทุกชุดในการหาทางออกประเทศ ซึ่งแนวทางสภาประชาชนจะมาในรูปแบบการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ อาจตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจที่ให้มีทุกภาคส่วน หรืออาจเชิญฝ่ายค้านและคู่ขัดแย้งเข้าร่วมรัฐบาลหรือสภาฯ ด้วย

ด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ซึ่งร่วมเวทีระดมความห็น “ประเทศไทยของเราจะไปทางไหน" ที่จัดโดยรัฐบาลในวันนี้ กล่าวว่า มีผู้กล่าวว่าปชต.ไม่ใช่มีแต่การเลือกตั้ง ผมเห็นด้วย แต่ถ้าไม่เลือกตั้งก็ไม่ใช่ปชต.แน่นอน ผมขอให้ทุกคนไปเลือกตั้ง ปัญหาที่เห็นเฉพาะหน้าช่วง 1-2 เดือนนี้ เกิดจากคนคณะหนึ่งทำสิ่งที่ผิดพลาด คณะรัฐบาล ส.ส. นักการเมือง ทำสิ่งที่ผิดพลาด มีคนอีกกลุ่มออกมาพยายามแก้ไขความผิดพลาดด้วยวิธีการที่ผิดพลาด ที่คือสถานการณ์ของปัญหาในปัจจุบัน ปัญหา คือ เมื่อคุณภาพพรรคการเมืองลดลง ประชาชนตื่นตัวมากขึ้น คนที่อยู่ต่างจังหวัดสนใจติดตามข่าวสารการเมืองมากกว่าคนในกรุงเทพฯ คิดว่าคนเมืองที่ไม่ได้มีปฎิสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ ไม่รู้ว่าชาวบ้านมีการพัฒนาทางการเมืองไปอย่างไร คุณภาพทางการเมืองของประชาชนเติบโตขึ้นขณะที่ประสิทธิภาพพรรคการเมืองลดคุณภาพลง การปฏิรูปครั้งนี้จึงต้องพัฒนาพรรคการเมืองให้เติบโตเท่าเทียมประชาชน ต้องพัฒนาพรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน ไม่ใช่พรรคการเมืองของนายทุน ให้ประชาชนมีช่องทางเข้าสู่การเมือง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรคหรือผู้สมัครในนามของพรรค ประชาชนสามารถขายฝันให้องค์กรทางการเมืองของประชาชนได้

ขณะที่ นายโสภณ ซารัมย์ ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย แถลงจุดยืน 3 เรื่อง เรื่องแรกเห็นด้วยกับการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย สอง ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งบนความขัดแย้งในขณะนี้ ที่เป็นความขัดแย้งที่รุนแรง สาม เสนอให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับก่อนมีการเลือกตั้ง นี่คือ 3 จุดยืนที่พรรคภูมิใจไทยอยากกราบเรียนต่อที่ประชุมและพี่น้องประชาชน

"วันนี้ถ้าไม่ปฏิเสธความจริง ประเทศชาติของเราถือเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง ทั้ระดับคนชั้นสูง นักวิชาการ เลยไปถึงระดับรากหญ้า ถ้าคนที่มีอำนาจในประเทศ ยังไม่รู้ว่าประเทศนี้ป่วย ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าประเทศนี้ป่วยที่ต้องรักษาด้วยวิธีพิเศษ จึงอยากให้ในสังคมไทย ผู้รับผิดชอบได้ตระหนักว่าถึงเวลาหรือยังที่จะช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากวิกฤติ เราเห็นด้วยว่าในการเลือกตั้งก็ต้องมีการส่งผู้แทนลงสมัครเลือกตั้ง แต่ถ้าเลือกตั้งแล้วเดินหน้าไม่ได้ ก็บริหารประเทศไม่ได้ เวลาออกไปปฏิบัติหน้าที่ก็มีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยไปขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ท่านคิดหรือว่าบรรยากาศเหล่านั้นจะไม่กลับมาอีก"นายโสภณ กล่าว

สิ่งที่ต้องทำและทำได้เร็ว คือ ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปนักการเมือง นักการเมืองต้องช่วยกันดับ กลไกราชการดีอยู่แล้ว แต่ถ้าได้นักการเมืองที่แย่หน่อย ก็ทำให้กลไกราชการเสียหายทำให้ประเทศชาติเสียหาย ในสถานะแบบนี้พรรคภูมิใจไทยประกาศเดินสายกลางบนจุดยืนคือความสงบของประเทศชาติ การเลือกตั่งไม่ใช่สิ่งที่จะขจัดความขัดแย้งให้ออกจากสังคมนี้ได้ พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าต้องการมีการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่ก็ต้องมีการสร้างกติกา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ