ศรส.มอบสภาพัฒน์ประเมินความเสียหายทางศก.จากการชุมนุม-จ่อดำเนินคดี กปปส.

ข่าวการเมือง Tuesday March 4, 2014 13:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการ ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เปิดเผยว่า ศรส.มีมติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน โดยให้ครอบคลุมในทุก ๆ มิติ และทุก ๆ ด้านของความเสียหาย ซึ่งการประเมินความเสียหายดังกล่าวนอกจากจะทำให้เห็นภาพรวมของความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ยังจำเป็นต้องนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญาอีกด้วย

ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ 4 มีนาคม 2557 ว่า ได้รับคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ดังนี้ คดีขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 190 คดี แยกเป็นคดีที่ กปปส.ในกรุงเทพมหานครกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง 51 คดี และคดีที่ กปปส.ในต่างจังหวัดกระทำการขัดขวางการเลือกตั้ง 139 คดี

คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 174 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 63 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน 111 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 364 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น 155 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 65 คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,144 คน ซึ่งโทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง

อนึ่ง ศรส.ยังได้รับรายงานอีกด้วยว่า พนักงานสอบสวนของจังหวัดสตูล กับจังหวัดพัทลุง ได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีขัดขวางการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ 2 จังหวัด ซึ่งมีการกล่าวโทษร้องทุกข์คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ 5 เสือ กกต. ว่า มีส่วนละเว้นการปฏิบัติ ทำให้เกิดการขัดขวางการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อันเป็นความผิดตามกฎหมาย

ทั้งนี้ จากการดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ผ่านมาอย่างจริงจัง ส่งผลให้การเลือกตั้งทดแทนเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา ในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เพชรบุรี และระยอง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่ง ศรส. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ก็จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยไม่มีกลุ่ม กปปส. ไปกระทำการขัดขวางการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน

ตามนโยบายของ ศรส. ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ได้เห็นถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการปิดกรุงเทพมหานครของ กปปส. โดยเฉพาะสถานที่ราชการ ดังนั้น เพื่อให้สถานที่ราชการสามารถกลับมาเปิดให้บริการประชาชนได้ตามเดิม ศรส. ร่วมกับส่วนราชการจึงได้ดำเนินการเปิดสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดทำการได้ถึง 66 แห่งแล้ว แต่หลังจากที่ศาลแพ่งได้มีคำพิพากษา ส่งผลให้ ศรส.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหลักตามกฎหมายได้ และเป็นผลให้ กปปส. ไปบุกรุก ปิดล้อมสถานที่ราชการและขับไล่ข้าราชการไม่ให้ทำงานอีก ข้อมูลจนถึงเช้าวันนี้ กปปส. ได้กลับไปบุกรุกปิดล้อมส่วนราชการและบริษัทเอกชน รวมจำนวน 17 แห่ง ซึ่ง ศรส.จะได้พยายามทุกวิถีทางให้สถานที่ราชการดังกล่าวกลับมาเปิดให้บริการอีกให้จงได้

ทั้งนี้ ศรส.ได้มีหนังสือแจ้งปลัดกระทรวงทุกกระทรวงให้แจ้งหัวหน้าหน่วยงานทุกหน่วยงานที่ถูกแกนนำ กปปส. นำมวลชนไปปิดล้อม ปิดกั้น หรือขับไล่ข้าราชการ ให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่มีการละเว้นเป็นอันขาด

นายธาริต กล่าวว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยกคำร้องของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ที่ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาเพิกถอนหมายจับของศาลอาญาในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งไม่เพิกถอนหมายจับดังกล่าว โดยให้ยึดถือตามคำสั่งศาลอาญาตามเดิม ซึ่ง ศรส.ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเร่งรัดดำเนินคดีนายสุเทพฯ กับแกนนำคนอื่น ๆ รวม 58 คนต่อไป โดยเฉพาะการติดตามจับกุมเมื่อมีโอกาสและสถานการณ์ที่เหมาะสมด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ