เครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชน ร้องคสช.ทบทวนซื้อรถเมล์ NGV ของขสมก.

ข่าวการเมือง Monday June 30, 2014 13:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พร้อมด้วยสมาชิกสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ฯ สภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการประเทศไทย มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย มูลนิธิเพื่อคนพิการและผู้ด้อยโอกาส มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และสมาชิกเว็บไซต์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง หรือ change.org ร่วมกันแถลงข่าวเปิดเผยข้อมูลกรณีการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คันถึงความไม่โปร่งใส น่าจะผิดกฎหมายและพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต พร้อมทั้งเรื่องความคุ้มค่าการลงทุน รวมถึงสรุปและเสริมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสิทธิประชาชนเพื่อเสนอ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการ

ทั้งนี้ เครือข่ายฯ พบว่า ไม่คุ้มค่าการลงทุนและไม่ตอบสนองต่อการฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ด้วย ขสมก. มีภาระหนี้สินสะสมประมาณ 9 หมื่นล้านบาท การจัดซื้อรถครั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของค่าใช้จ่ายที่แฝงอยู่นอกจากการจัดซื้อรถมูลค่า 13,162 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จายแฝงจะประกอบไปด้วยมีค่าซ่อมบำรุงประมาณ 15,000 ล้านบาท ไม่รวมกับ ค่าอะไหล่ ค่าดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมเป็นเงิน โดยที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้จะทำให้ ขสมก. มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นโดยไม่มีการนำเสนอข้อมูลแนวทางแก้ไขปัญหาภาระหนี้สะสมที่เป็นรูปธรรม แต่กลับจะเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตในการจ้างเหมาซ่อมบำรุง การเบิกจ่ายอะไหล่และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตน่าจะขัดคำสั่งคสช. และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การประกาศร่างบันทึกข้อตกลง(TOR) ทั้ง 10 ครั้ง ของ ขสมก. ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)ทักท้วงเรื่องรายละเอียดการกำหนดราคากลาง และการเปิดช่องให้มีการนำรถแบบชานสูงเข้าประมูลในการจัดซื้อรถโดยสารธรรมดาหรือรถร้อนจำนวน 1,659 คัน ด้วยการอ้างเหตุผลที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้รถในภาวะน้ำท่วม ราคาแพงเกินกว่าราคากลาง และปัญหาสภาพถนนที่รถชานต่ำใช้ไม่ได้ จึงน่าสงสัยว่าจะเป็นการล๊อคสเปคเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจบางแห่ง

การที่ ขสมก.ไม่กำหนดการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้ น่าจะผิด พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2550 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554) มาตรา 103/7 และน่าจะขัดคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 69/2557 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบที่ระบุให้หัวหน้าส่วนราชการและหัวหน้าหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ในการควบคุม กำกับดูแล การดำเนินงานให้เป็นไปตามบทบัญญัติฯ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ อย่างเคร่งครัด

อีกทั้งยังเป็นการลงทุนที่ล้าหลังไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ด้วยมาตรฐานรถโดยสารในเมือง (City Bus) ทั่วโลกต่างใช้รถโดยสารแบบชานต่ำหรือรถเมล์ไร้บันได ด้วยเป็นการประหยัดพลังงาน ผู้โดยสารขึ้นลงสะดวกปลอดภัย และเอื้ออำนวยความสะดวกแก่คนพิการ ผู้สูงอายุ แม่ลูกอ่อนที่มีเด็กบนรถเข็น และผู้ใช้จักรยาน เป็นต้น แต่ ขสมก. กลับเปิดช่องให้นำรถแบบชานสูงติดตั้งลิฟท์ยกรถเข็นซึ่งเป็นรถโดยสารระหว่างเมือง (Inter-City Bus) มาใช้เป็นรถโดยสารในเมือง เป็นการลงทุนที่ล้าหลังไม่เอื้ออำนวยความสะดวกสำหรับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม

"หาก คสช. เห็นชอบโครงการซื้อรถเมล์ 3,183 คันตามที่ ขสมก. และกระทรวงคมนาคมเสนอ จะเป็นการสร้างจุดด่างพร้อยให้แก่ คสช. ผู้ที่ได้รับประโยชน์น่าจะเป็นเพียงกลุ่มนักการเมืองและข้าราชการที่ฉ้อฉล ส่วนประชาชนต้องแบกภาระหนี้สินของ ขสมก. ที่จะเพิ่มขึ้นปีละร่วมหมื่นล้านบาท จะมีประชาชนตกรถเมล์ตาย คนพิการหรือแม่ลูกอ่อนที่ใช้ลิฟท์ยกรถเข็นจะเป็นจำเลยของสังคมที่ขึ้นลงรถเมล์แต่ละครั้ง 5 – 10 นาที"น.ส.สารี กล่าว

ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและวางรากฐานที่ดีให้แก่กิจการ ขสมก. เพื่อบริการขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพ ภาคีเครือข่ายรถเมล์เพื่อประชาชนฯ พร้อมด้วยเครือข่ายเพื่อ ขอเรียนไปยัง คสช. ผ่านสื่อมวลชน ให้เร่งฟื้นฟูกิจการรถเมล์พร้อมทั้งจัดหารถเมล์ใหม่อย่างโปร่งใสที่ทุกคนใช้ได้อย่างสะดวกปลอดภัย หากดำเนินการอย่างจริงจังตรงไปตรงมาสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายใน 6 เดือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ