"ประยุทธ์"เผยปลดแอกข้าราชการพ้นการเมืองครอบงำ หวังทำเพื่อชาติ/ประชาชน

ข่าวการเมือง Saturday July 12, 2014 11:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า การปฏิบัติงานของ คสช.ในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมามีความก้าวหน้าไปตามลำดับ โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แต่วันนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาอยู่หลายประการ ในส่วนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกภาคส่วนต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเป็นหลัก เรื่องการย้ายข้าราชการระดับสูงในห้วงที่ผ่านมาสังคมอาจจะมีความเป็นกังวลอยู่บ้าง
"ในห้วง 17 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ได้เข้ามามีอิทธิพลและมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับกลุ่มข้าราชการระดับสูงในทุกๆ กระทรวง ทำให้การทำงานของข้าราชการไม่ได้สะท้อนถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเท่าที่ควร เมื่อ คสช.เข้ามาบริหารประเทศในช่วงนี้ ก็ได้ให้โอกาสข้าราชการในการทำงานอย่างเป็นอิสระปราศจากการครอบงำ แต่ในห้วงเกือบ 2 เดือนที่เราเฝ้าติดตามการทำงานของบางหน่วยงานยังมีปัญหา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งภายในองค์กร การร้องเรียน การทุจริตไม่โปร่งใส มีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมายตลอดจนข้อสำคัญคือความไม่พึงพอใจของผู้ใต้บังคับบัญชาในหน่วยงานนั้นๆ เนื่องจาก คสช.มีระยะเวลาอันจำกัดในการทำหน้าที่ก็จำเป็นต้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชนให้ลุล่วงโดยเร็ว บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ทุกคนไม่มีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับ คสช. เป็นบุคคลที่เติบโตและก้าวหน้ามาในองค์กรนั้นๆ เป็นหลัก

"คสช.จะพิจารณาในเรื่องความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และการยอมรับภายในองค์กรใช้เป็นเงื่อนไขในการพิจารณาแต่งตั้ง และการยอมรับในหน่วยงานเหล่านั้น เพื่อให้งานต่างๆ เป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับแนวทางการพัฒนาประเทศที่สำคัญของ คสช.จะน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ คือ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ด้วยความมีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่ดี ภายใต้เงื่อนไขความรู้คู่คุณธรรม การพัฒนาประเทศจะต้องมีการพัฒนาแบบองค์รวม ยึดคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา โดยต้องสร้างความสมดุลทั้งคน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่พร้อมและเพียงพอ

"คุณภาพของคนไทยจะดีขึ้น ถ้าหากเราทำได้อย่างนั้น จะมีหลักประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมที่หลากหลาย มีความยากจนลดลง ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพคนและสังคมเป็นอย่างแรก การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และความโปร่งใสในการบริหารจัดการภาครัฐ รวมทั้งการสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และการกระจายผลประโยชน์จากการพัฒนา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับวิสัยทัศน์ คสช.ได้กำหนดไว้ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 คือสังคมจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง

ส่วนยุทธศาสตร์หลักที่ คสช.ยึดถือเป็นแนวทางในปัจจุบัน ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม 2.ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน 3.ยุทธศาสตร์สร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตร ความมั่นคงของอาหารและพลังงาน 4.ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 5.ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม 6.ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 7.ยุทธศาสตร์ในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง การบริหารงานของรัฐวิสาหกิจให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ในการใช้บริการอย่างแท้จริง 8.ยุทธศาสตร์ในเรื่องการปรับปรุงระบบโทรคมนาคม เทคโนโลยีของชาติให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตให้ทัดเทียมอาเซียน และประชาคมโลก และ 9.ยุทธศาสตร์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอรัปชั่นอย่างยั่งยืน

สิ่งที่คนไทย ประเทศไทย ยังเป็นปัญหา และต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วน ต้องมีความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในทุกระดับชั้น ทุกเพศ ทุกวัย โดยกำหนดค่านิยมหลักของคนไทยขึ้นมาให้ชัดเจนขึ้น เพื่อจะสร้างสรรค์ประเทศไทยให้เข้มแข็ง ฉะนั้นคนต้องเข้มแข็งก่อน คนในชาติจะต้องมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติในปัจจุบัน, ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม, กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์, ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษา เล่าเรียน ทางตรงและทางอ้อม, รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม, มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน, เข้าใจ เรียนรู้ การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง, มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่, มีสติ รู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่าย จำหน่าย และขยายกิจการ เมื่อมีความพร้อม โดยมีภูมิคุ้มกันที่ดี, มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอาย เกรงกลัวต่อบาป ตามหลักของศาสนา, คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และต่อชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ