"มีชัย" แจงประโยชน์ระบบเลือกตั้งส.ส.ใหม่,ไม่ห้ามพรรคนอมินี แต่ตัดสิทธิหากทุจริต

ข่าวการเมือง Monday November 2, 2015 17:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวว่า ตามที่มีข้อท้วงติงเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง ส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสมในช่วงที่ผ่านมานั้น ตนเองขอชี้แจงถึงประโยชน์ 7 ประการของระบบการเลือกตั้งดังกล่าวที่จะเป็นการสร้างความปรองดองในชาติ

ประการแรก การเข้าใจเรื่องนี้ได้ต้องเริ่มต้นว่าเราจะยอมเคารพเสียงของประชนมากน้อยเพียงใดในการไม่ให้คะแนนประชาชนสูญเปล่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาเราใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ โดยบัตรเลือกตั้งใบหนึ่งนับคะแนนหมด แต่บัตรเลือกตั้งอีก 1 ใบนับส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือคะแนนจะถูกทิ้งน้ำไป

ประการที่สอง เวลาที่ กรธ.คิดประเด็นนี้ไม่ได้คิดถึงพรรคการเมืองใด และไม่คิดว่าจะเกิดประโยชน์หรือโทษใดกับพรรคการเมือง คิดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้คะแนนของประชาชนมีน้ำหนักนำไปใช้ในการออกเสียงเลือกตั้งใหม่มากที่สุด

ประการที่สาม วิธีนี้ กรธ.มองว่าเป็นวิธีการปรองดองอย่างหนึ่งคือให้คะแนนเฉลี่ยกันไปทุกพรรค

ประการที่สี่ นักวิชาการหรือสื่อมวลชนที่ชอบอ้างว่าไม่มีประเทศไหนทำกัน ขอชี้แจงว่าคนไทยเรามีสติปัญญาที่จะคิดอะไรได้เองที่เหมาะสมกับบริบทของการเมืองไทย การไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศไม่ใช่ไปจำตำราของเขามาใช้อย่างเดียว แต่ต้องเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับประทศของเรา

ประการที่ห้า ถ้าเราจะเอาโลกมาเป็นตัวอย่าง ก็ต้องถามว่าโลกนี้เคยมีรัฐบาลไหนที่ออกมาพูดในที่สาธารณะว่าคนภาคหรือจังหวัดนี้ไม่เลือกพรรคของตนเองจึงไม่จัดสรรงบประมาณให้ หรือเอาโครงการจากจังหวัดหนึ่งย้ายไปอีกจังหวัดหนึ่งเพียงเพราะจังหวัดนั้นไม่ได้เลือกคนของรัฐบาล ที่อื่นมีหรือไม่ไม่รู้ แต่ประเทศไทยมี ซึ่งทาง กรธ.กำลังพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหา โดยระบบการเลือกตั้งใหม่ทุกจังหวัดจะมีคะแนนเสียงเอื้อต่อทุกพรรคการเมืองมากบ้างน้อยบ้าง จนสามารถพูดได้ว่าคนทั้งประเทศสนับสนุนทุกพรรคมากบ้างน้อยบ้างสุดแล้วแต่กำลังศรัทธาของงแต่ละพรรค

ประการที่หก พรรคการเมืองต้องคัดเลือกคนดีที่สุดลงสมัคร แม้จะรู้ว่าคะแนนในเขตนั้นจะสู้พรรคการเมืองอื่นไม่ได้ แต่ก็ยังมีความหวังที่จะได้คะแนนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อนำไปคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ

และประการที่เจ็ด ในการเลือกตั้งปี 2554 มีเขตเลือกตั้ง 375 เขต มีถึง 120 เขตที่คะแนนของผู้รับเลือกตั้งได้น้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับเลือกรวมกัน ดังนั้นเมื่อทุกพรรคมุ่งมั่นว่าต้องฟังเสียงประชาชน เราก็ต้องใช้เสียงประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ต้องลดการคิดถึงประโยชน์ของพรรคแล้วหันมานึกถึงประโยชน์ของประชาชนให้มากขึ้น

"ต้องยอมรับว่าบ้านเมืองเรากำลังมีปัญหาในเรื่องของความไม่เข้าใจกัน ตัวอย่างในครอบครัวหนึ่งมีสมาชิก 10 คน โดยแต่ละวันมีกับข้าวได้เพียงอย่างเดียว แล้วให้ลงคะแนนกันว่าจะกินอะไร โดย 4 คนลงคะแนนว่ากินแกงเผ็ด อีก 3 คนลงคะแนนว่ากินแกงจืด ส่วน 2 คนลงคะแนนว่าจะกินผัดผัก เหลืออีก 1 คนไม่ลงคะแนน ถ้าใช้หลักการนี้ทุกคนก็ต้องกินแกงเผ็ดไปทั้งอาทิตย์ ดังนั้น กรธ.จึงหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรใน 1 อาทิตย์ จะมีแกงจืด 2 วัน ผัดผัก 1 วัน ที่เหลือจะกินแกงเผ็ดไปอีก 4 วันก็ไม่ว่ากัน แต่อย่างน้อยชีวิตในครอบครัวก็จะอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่ขมขื่นจนเกินไป ไม่ต้องกินแกงเผ็ดไปทั้งอาทิตย์" นายมีชัย กล่าว

ประธาน กรธ. กล่าวว่า สำหรับตัวเลขระหว่าง ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ทาง กรธ.อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสม แต่จะพยายามให้ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆมาให้มากที่สุด ถ้าจะเปลี่ยนแปลงก็เป็นเพราะไม่ต้องการให้ใครเอาตัวเลขครั้งที่แล้วไปทำให้เกิดความตระหนกตกใจ ส่วนคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.นั้น เบื้องต้นมองว่าไม่ว่าจะใช้ระบบการเลือกตั้งแบบใด คุณสมบัติก็จะต้องเข้มขึ้น

ส่วนกรณีที่มีพรรคการเมืองส่งพรรคนอมินีลงเลือกตั้งนั้นคงไม่มีข้อห้ามในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก แต่ใครที่คิดจะกระทำการทุจริตการเลือกตั้งเราตัดสิทธิตลอดชีวิต แต่ไม่ว่าจะใช้ระบบไหน ก็มีพรรคนอมินีทั้งนั้น ก็ต้องถามว่าแล้วจะตั้งไปเพื่ออะไร ถ้าคิดตั้งก็แสดงว่าจะมีการทุจริตเลือกตั้งตั้งแต่แรก และจะกำกับได้อย่างว่าให้ประชาชนเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ พอดีพอร้ายทั้ง 2 พรรคก็ไม่ได้รับเลือกตั้งเลย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ