อย่างไรก็ตาม หาก พล.ต.อ.ประวุฒิ ยังไม่เดินทางเข้ารายงานตัว เพื่อปฏิบัติหน้าที่เกิน 15 วันอันไม่มีเหตุอันควร จะถือว่าเข้าข่ายละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดก็จะส่งผลให้ขาดจากราชการโดยทันที
ส่วนความคืบหน้าคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้นขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติม
นอกจากนั้น กรณีที่มีนายตำรวจระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการฝากบุคคลภายนอกเข้ารับราชการตำรวจของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจริงหรือไม่ รวมถึงกระแสข่าวที่มีนายทหารยศพันเอกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหมิ่นเบื้องสูงนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็จะทำการการตรวจสอบในประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่ายของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง กับพวกรวม 8 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง โดยระบุว่า ขณะนี้ทาง ป.ป.ง.อยู่ระหว่างการตรวจสอบคัดกรองเส้นทางการทำธุรกรรมเงินสด และธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สิน ในช่วงระหว่างเดือน ม.ค.57 ถึงปัจจุบันจำนวน 148 ธุรกรรม ตั้งแต่หลักแสนบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ ป.ป.ง.ได้ประสานขอข้อมูลจากสถาบันการเงินเพิ่มเติมแล้ว เพื่อคัดกรองธุรกรรมที่เข้าข่ายทุจริต แต่ต้องรอข้อมูลการสืบสวนที่มาของธุรกรรมจากพนักงานสอบสวนเป็นสำคัญ เพราะคดีดังกล่าวไม่เหมือนคดียาเสพติดที่ผู้โอนและผู้รับโอนจะมีความผิดทั้งคู่ แต่กรณีนี้ต้องพิจารณาเป็นรายๆ เพราะบางรายอาจเป็นเพียงผู้สนับสนุนโครงการต่างๆ โดยสุจริตก็ได้ ซึ่งกำหนดระยะเวลาการตรวจสอบ 148 ธุรกรรม และจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ก็ยังไม่สามารถตอบได้เช่นกัน
เลขาธิการ ป.ป.ง.กล่าวอีกว่า ระหว่างนี้ ป.ป.ง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินในส่วนที่ทางตำรวจยังไม่ได้ดำเนินการ โดยขยายผลไปตรวจสอบบุคคลอื่นๆ เพิ่มเติมนอกจากเครือข่ายหมอหยอที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใครบ้าง และธุรกรรมที่เชื่อมโยงไปถึงบุคคลดังกล่าวเป็นธุรกรรมที่ทุจริตหรือไม่ ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน แต่ขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารระดับสูงอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ทาง ป.ป.ง.กำลังตรวจสอบ