สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น นายนรชิต กล่าวว่า พรรคการเมืองมีสิทธิส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ก็ต่อเมื่อพรรคการเมืองดังกล่าวส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ต้องไม่ซ้ำกับผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต ที่สำคัญการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองจะต้องให้สมาชิกพรรคการเมืองมีส่วนร่วม ต้องคำนึงถึงสัดส่วนในแต่ละภูมิภาคด้วย และต้องคำนึงถึงความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงกับชาย
ขณะเดียวกัน กรธ.ยังยืนยันในหลักการเดิม คือ ถ้าเกิดมีกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส.คนใดได้คะแนนเลือกตั้งน้อยกว่าคะแนนของผู้ประสงค์ไม่ลงคะแนนหรือโหวตโน ผู้สมัคร ส.ส.คนนั้นจะไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.และจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และผู้สมัครทุกรายที่ได้คะแนนน้อยกว่าคะแนนโหวตโนจะไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ กล่าวคือ ถ้าพรรค ก. พรรค ข. และพรรค ค. ส่งผู้สมัคร ส.ส.แต่แพ้คะแนนโหวตโน พรรคการเมืองดังกล่าวจะต้องไปหาผู้สมัครคนใหม่มาสมัครแทน
โฆษก กรธ. กล่าวว่า ถ้าเกิดกรณีที่การเลือกตั้งยังไม่แล้วเสร็จทุกเขต ด้วยเหตุของการทุจริตเลือกตั้งจนต้องสั่งเลือกตั้งใหม่ กรธ.จึงกำหนดว่าการคำนวณคะแนนเลือกตั้งเพื่อจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะนับเฉพาะเขตเลือกตั้งที่มีการเลือกตั้งเสร็จแล้วไปก่อน ซึ่งถ้าต่อมามีการนับคะแนนครบทุกเขตแล้วเกิดมีพรรคการเมืองได้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลง ให้ถือว่าผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อในลำดับสุดท้ายของพรรคการเมืองนั้นต้องพ้นจากตำแหน่งไป
"ถ้าภายหลัง 1 ปีจากการเลือกตั้ง และต่อมาจะต้องมีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ในบางเขตเลือกตั้ง เพราะพบการทุจริตเลือกตั้ง กรธ.กำหนดว่าคะแนนในการเลือกตั้งใหม่ครั้งนี้จะไม่ถูกนำไปคำนวนเพื่อหา ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก" นายนรชิต กล่าวส่วนคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.นั้น นายนรชิต กล่าวว่า ส่วนใหญ่ยังยืนยันตามหลักการเดิม แต่มีการเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามแบบใหม่เข้าไป ได้แก่ บุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมาแล้วไม่ถึง 10 ปีจะไม่มีสิทธิสมัคร ส.ส. เว้นแต่เป็นความผิดโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และนำลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครกำนันผู้ใหญ่ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่มาใส่ไว้ในคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ ส.ส.ด้วย เช่น ความผิดเกี่ยวกับป่าไม้ การบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติ ยาเสพติด เป็นต้น
"ขนาดกำนันผู้ใหญ่บ้านยังถูกห้าม คุณจะเป็น ส.ส.หรือมาเป็นรัฐมนตรีทำไมถึงมีลักษณะต้องห้ามน้อยกว่า เพราะฉะนั้นเราจะเพิ่มเข้าไป" นายนรชิต กล่าวสำหรับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) นายนรชิต กล่าวว่า กรธ.เห็นชอบให้มี ส.ว.จำนวน 200 คน และไม่ให้คู่สมรส บุตร ของผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ข้าราชการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้สมัครรับเลือกเป็น ส.ว.ในคราวเดียวกัน รวมทั้งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระจะลงสมัคร สว.ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม มีอีกประเด็นที่ กรธ.ต้องพิจารณาให้รอบด้าน คือ หากเกิดกรณีเครือญาติของ ส.ว.ได้รับเลือกตั้งให้เป็น ส.ส.จะถือว่า ส.ว.ที่เป็นมาก่อนหรือ ส.ส.คนนั้นจะขาดคุณสมบัติและต้องพ้นจากตำแหน่งหรือไม่
ส่วนบุคคลที่เคยถูกถอดถอนให้ออกจากตำแหน่ง อย่างเช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากรับโทษการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งครบ 5 ปีแล้ว จะสามารถกลับมาลงสมัคร ส.ส.ได้หรือไม่ นายนรชิต กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในข้อห้าม แต่ถ้ามาถูกถอดถอนภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ที่เราไม่ใช้คำว่าถอดถอน แต่ใช้คำว่าต้องคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา หรือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ให้พ้นจากตำแหน่งจะถือว่าไม่สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้อีกเลย
"ต้องมองไปข้างหน้า เราไม่ได้ไปตัดสิทธิ อย่ามาบอกว่าพวกเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อกันใคร เขาถูกจำกัดสิทธิจากสิ่งที่เกิดขึ้นมาในอดีตและยังไม่พ้น 5 ปี แต่ถ้าพ้น 5 ปีแล้วมีการเลือกตั้งและไม่ขาดคุณสมบัติก็ย่อมสามารถลงสมัครได้" นายนรชิต กล่าวนอกจากนี้ยังกำหนดให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ต้องแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีจำนวน 3 คน จากเดิม 5 คน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ก่อนวันปิดรับสมัครเลือกตั้ง และ กกต.ต้องประกาศรายชื่อให้ประชาชนทราบ
อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองจะไม่เสนอชื่อคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ กรธ.ไม่ได้บังคับเอาไว้ แต่ในกรณีที่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติโหวตนั้น กรธ.กำหนดเงื่อนไขว่า 1.ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ 2.ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะไม่ต้องขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และ 3.ถ้ามีชื่อบุคคลใดซ้ำกันสองพรรคจะถือว่าบุคคลนั้นไม่ได้รับการเสนอชื่อขึ้นมา ไม่เพียงเท่านี้ การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาฯ จะต้องมาจากรายชื่อที่เสนอมาให้ กกต.ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น จะไปเลือกบุคคลอื่นนอกเหนือไปจากบัญชีรายชื่อดังกล่าวไม่ได้