กกต.-"วิษณุ"ถกงบฯทำประชามติ 2.3 พันลบ.–รูปแบบบัตรลงคะแนน

ข่าวการเมือง Monday April 11, 2016 17:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยก่อนการประชุมเพื่อหารือเรื่องการทำประชามติ ระหว่าง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ในการประชุมวันนี้จะเป็นการหารือเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องงบประมาณ 2,291 ล้านบาทและรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ รูปแบบบัตรลงคะแนน และแนวทางการให้ความรู้กับประชาชน

อย่างไรก็ตาม ประธาน กกต.ไม่ขอให้ความเห็นเกี่ยวกับคำถามพ่วงของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เนื่องจากเป็นอำนาจการพิจารณาของ สนช. และได้สิ้นสุดไปแล้ว ซึ่ง กกต.มีหน้าที่เพียงสรุปสาระสำคัญจัดพิมพ์ และนำออกเผยแพร่เท่านั้น

สำหรับกรณีที่ กกต. จะมีการพิจารณาจัดพิมพ์ข้อดีข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญแนบไปกับการสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญด้วยนั้น นายศุภชัย กล่าวว่าเป็นเพียงแนวคิดของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงความสุ่มเสี่ยง ว่าอาจเป็นการชี้นำและผิดกฎหมายการออกเสียงประชามติหรือไม่

ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.แสดงตัวอย่างของบัตรลงคะแนนเสียงประชามติต่อสื่อมวลชน พร้อมเปิดเผยว่าการจัดทำบัตรลงคะแนนประชามติ จำนวน 53 ล้านใบจะใช้บัตรขนาด A5 หรือขนาดครึ่งหนึ่งของ A4 โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนบนเป็นคำถามหลักว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนด้านล่างของบัตรเป็นคำถามพ่วงของ สนช. ซึ่งการนับคะแนนจะแยกออกจากกัน ซึ่งสีของบัตรในวันนี้เป็นเพียงสีตัวอย่าง และจะยังไม่เปิดเผยสีในบัตรจริงจนกว่าจะถึงวันลงประชามติ เพื่อป้องกันการปลองแปลงบัตรลงคะแนน

ทั้งนี้ ในบัตรจะมีตัวเลขและสัญลักษณ์กำกับไว้ เพื่อความปลอดภัยที่ถือว่าเป็นความปลอดภัยในระดับปานกลางแต่หากจะใช้ความปลอดภัยในระดับสูงสุด เช่นเดียวกับการจัดพิมพ์ธนบัตรและสลากกินแบ่งรัฐบาล จะต้องใช้งบประมาณที่สูงขึ้น ซึ่งบัตรลงคะแนนครั้งนี้ มีขนาดเท่ากับบัตรลงคะแนนประชามติเมื่อปี 2550

นายสมชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการนับคะแนนหลังปิดหีบจะนับที่หน่วยเลือกตั้งคาดว่าจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการภายใน 3 ชั่วโมง หลังปิดหีบครอบคลุมถึงร้อยละ 95 ของหน่วยเลือกตั้ง ส่วนผลเป็นทางการจะทราบภายใน 3 วัน หลังวันลงประชามติ ซึ่งการนับคะแนนจะนับคนละส่วน หากส่วนใดส่วนหนึ่งมีการทำสัญลักษณ์หรือไม่ลงคะแนน ก็จะไม่นับคะแนนในส่วนนั้น

นายสมชัย ยังย้ำว่า การตั้งคำถามพ่วงของ สนช.ว่า ขัดกับหลักการของการตั้งคำถามในการทำประชามติ เพราะเป็นคำถามที่ยาวและซ้ำซ้อน โดย กกต.จะนำเสนอข้อกังวลในเรื่องนี้ต่อที่ประชุม สุดท้ายขึ้นอยู่กับ สนช.ว่าจะมีการปรับปรุงคำถามหรือไม่ แต่หากไม่มีการปรับปรุงและคำถามในลักษณะดังกล่าว อาจทำให้ประชาชนสับสนจนไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ตั้งคำถามจะต้องรับผิดชอบ

ส่วนการลงคะแนนเสียงประชามติในครั้งนี้จะเรียบร้อยหรือไม่ นายสมชัย ระบุว่า ขึ้นอยู่กับบรรยากาศของบ้านเมือง ขณะที่ กกต.มีหน้าที่เพียงจัดการลงคะแนนเสียงเท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ