นายกฯ เร่งสาธารณสุขขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการ-พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นรูปธรรมในปีงบฯ 60-61 รับสังคมผู้สูงวัย

ข่าวการเมือง Wednesday November 30, 2016 16:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2560 ว่า การมาประชุมวันนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้า และเร่งรัดภารกิจของกระทรวง โดยเฉพาะภารกิจที่สำคัญต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรมภายในปีงบประมาณ 60 และ 61 เน้นสร้างประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ เนื่องจากงานของกระทรวงสาธารณสุขถือว่าเป็นหลักของประเทศ ควบคู่กับกระทรวงศึกษาธิการในการสร้างคนและดูแลคนให้แข็งแรง ตามแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความเข้มแข็งตามยุทธศาสตร์ 20 ปี โดยเน้นการดูแลตั้งแต่ครรภ์มารดา รวมถึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพป้องกันโรค ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและงบประมาณการรักษาพยาบาล เพราะสัดส่วนคนอายุยืนมากขึ้นเฉลี่ยอายุ 78 ปี

ปัจจุบันด้านสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นไปในทางที่ดีขึ้น มีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจึงจำเป็นจะต้องหาแนวทางการดูแลรักษากลุ่มคนเหล่านี้อย่างต่อเนื่องควบคู่กับการเพิ่มมาตรการด้านสาธารณสุขของเด็กทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบ โดยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลกระบวนการดังกล่าวแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุขที่มีอัตราเพิ่มมากขึ้นนั้น รัฐบาลได้มีมาตรการป้องกัน โดยเน้นในเรื่องของการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเกาะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ในระยะยาว

ดังนั้นต้องคิดว่าจะดูแลอย่างไร และในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยซึ่ง 6 ใน 10 คน อายุเกิน 60 ปี และเหลือแรงงานเพียง 4 คน ซึ่งทุกอย่างจะต้องนำเข้าสู่การบริหารจัดการที่มีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด เน้นส่งเสริมสาธารณสุขขั้นพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนป้องกันตนเองจากโรคร้ายแรง ด้วยการทานอาหารให้ครบหมู่มีประโยชน์ และเมื่อแก้ปัญหาได้ตั้งแต่ต้นทางรู้จักวิธีป้องกันตัวเองทำให้คนป่วยน้อยลง ประเทศก็จะเข้มแข็ง ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก และสามารถเอาเงินไปพัฒนาอย่างอื่น

นอกจากนี้ต้องส่งเสริมการใช้สมุนไพร มีการวิจัยพัฒนานำไปสู่การผลิต และเปิดโอกาสให้คนไทยได้ใช้ยาราคาถูกลดการใช้ยาปฏิชีวนะลดลง เช่น เมื่อมีอาการเจ็บคอสามารถรับประทานเม็ดยาฟ้าทะลายโจรได้ ทำให้เกิดการเพาะปลูกสมุนไพรลดพื้นที่การปลูกพืชเชิงเดี่ยวได้

ในส่วนอัตรากำลังคนของกระทรวงสาธารณสุขนั้นที่ยังมีไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรี แนะควรใช้แนวทางประชารัฐเพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยส่งเสริมให้มากขึ้น ยกตัวอย่างที่เคยดำเนินการมา คือบางบริษัทมีทุนการศึกษาผลิตแพทย์พยาบาล ซึ่งการดำเนินการตามแนวทางทั้งหมดที่รัฐบาลวางไว้จะส่งผลในภาพรวมให้ประเทศมีความเข้มแข็ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีการปรับลดงบประมาณด้านสาธารณสุขในแต่ละปี เพราะเป็นตัวเลขพื้นฐานและสิทธิประโยชน์ที่กำหนดไว้แล้ว ประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท เพียงแต่ต้องบริหารจัดการไม่ให้มีงบประมาณเกินกว่าที่กำหนด ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การดูแลกับประชาชนทุกกลุ่ม

ส่วนเรื่องของการโอนงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการไปให้บริษัทประกันของเอกชนดำเนินการนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณายังไม่ได้ข้อยุติและขออย่านำไปวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อน ซึ่งสิ่งสำคัญคือการบริหารจัดการในขณะนี้ให้ดีที่สุด

ขณะที่นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวรายงานภารกิจและสรุปผลงานสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขว่า ปัจจุบันได้มีการขับเคลื่อนการทำงานตามนโบบายของรัฐบาล ได้แก่ การบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ โดยได้ลงนามกรอบความร่วมมือ ระบบบริการ และจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศการแพทย์ รายเขตสุขภาพ กระทรวง และ 20 คณะแพทย์ เช่น การพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัยต้องแข็งแรง เก่ง ดีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ทักษะ การพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุสุขภาพต้องแข็งแรง ส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัย

สำหรับด้านการปฏิรูประบบบริการปฐมภูมิ จะทำงานในเชิงรุกให้บริการทุกคน ทุกที่ ทุกเวลาด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย เน้นการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ตั้งเป้า 20 ปีครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมกับสร้างอาสาสมัครครอบครัว เป้าหมาย 5 ปี มีอาสาครอบครัวละ 1 คน เพื่อเสริมฐานการดูแลพยาบาลในเบื้องต้น จะทำให้ส่งผลต่อการลดต้นทุนการดูแลประชาชน ลดการเจ็บป่วย และลดอัตราการตาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ