"วิษณุ" ยันทรัพย์สินที่เพิ่มเสียภาษีถูกต้อง พร้อมแจงหน่วยงานที่รับผิดชอบ

ข่าวการเมือง Monday April 3, 2017 13:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้ตนเองเปิดเผยประวัติการเสียภาษีในช่วงระหว่างปี 2548-2557 หลังพบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 87.5 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้ไม่ขอชี้แจงกับคนทั่วไป เพราะได้ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งต้องแนบเอกสารใบเสียภาษีเงินได้ไปด้วย และหากมีข้อสงสัยอะไร หน่วยงานของรัฐที่ต้องตรวจสอบก็มีอยู่แล้ว ทั้งกรมสรรพากร หรือ ป.ป.ช. หากหน่วยงานเหล่านี้มีข้อสงสัยก็ยินดีชี้แจงทุกประการ โดยเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้เตรียมไว้เรียบร้อย

นายวิษณุ กล่าวว่า ความจริงตนเองเคยยื่นเอกสารหลักฐานไปแล้วด้วยซ้ำ และไม่พบว่ามีปัญหา ซึ่งนายเรืองไกรไม่ได้ตั้งข้อหาว่าตนเองทุจริต แต่ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงมีทรัพย์สินเพิ่ม ซึ่งการมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เป็นการสังเกตุจากการยื่นบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่งและยื่นตอนออกในตำแหน่งเดียวกัน แต่เป็นการตรวจบัญชีทรัพย์สินขาออกจากตำแหน่งจากรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2548 แล้วทิ้งช่วงไป 9 ปี ซึ่งในช่วงเวลานั้นก็มีทำงานในหน้าที่อื่นๆ และเมื่อกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งอีกครั้งในรัฐบาลนี้ก็ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินอีกว่า มีเงินได้และทรัพย์สินที่งอกเงยขึ้นมาได้อย่างไรภายใน 9 ปี ซึ่งมีจำนวน 87 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ไม่มีปัญหา เพราะมีหลักฐานแสดง

"ถ้าทรัพย์สินเหล่านั้นมางอกเงยตอนกำลังดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เช่น ตอนเข้ามามี 100 ล้านบาท และตอนออกไปมี 200 ล้านบาท อย่างนั้นจะผิดปกติ แต่นี่มันทิ้งช่วงไป แล้วก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินอะไร ผมก็ไปทำมาหากิน ไปเป็นกรรมการบริษัท แล้วก็มีทรัพย์สินงอกเงยขึ้นมาจริงๆ แต่เพิ่มมากี่ล้านบาท ผมจำไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของทรัพย์สิน ไม่ใช่เรื่องของรายได้ หรือเงินสดที่มากองอยู่" นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า กรณีของตนเองคล้ายกับกรณี 60 นักการเมืองที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า เสียภาษีไม่ถูกต้อง ซึ่งมีการชี้แจงกับกรมสรรพากรจนทราบว่าไม่พบความผิดปกติ และปล่อยหลุดไปเกือบหมดแล้ว แต่มีบางส่วนที่ยังไม่มาชี้แจงกับกรมสรรพากร ส่วนตนเองก็อยู่ในข่ายนั้น ซึ่งบางทีการได้ทรัพย์สินมาระหว่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นมรดกหรืออะไรก็ตาม ถ้าสงสัยว่าได้มาโดยนิติกรรมอำพรางก็สามารถตรวจสอบได้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

นายวิษณุ กล่าวว่า ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมีการเสียภาษีถูกต้อง เพราะถ้างอกเงยจากเงินได้ต้องเสียภาษี แต่ถ้างอกเงยจากที่ดินที่ได้รับมาจากการให้ มันมีทั้งประเภทต้องเสียภาษีและไม่เสียภาษี ทั้งนี้ทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่งอกเงยขึ้นมา คือเงินที่ลงทุนใน LTF และ RMF ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ถือว่ามาก ส่วนทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมา 70-80 ล้านบาท เป็นอสังหาริมทรัพย์เสียส่วนใหญ่

นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลที่ถูกขุดคุ้ยเรื่องต่างๆ มากขึ้น รวมถึงกรณีที่ตนเองส่งลูกไปเรียนหนังสือต่างประเทศ เพราะใครๆ ก็ส่งลูกไปเรียนกันทั้งนั้น ก็ไม่ได้ปกปิดหรือปิดบังอะไร อย่างไรก็ตาม นายวิษณุปฏิเสธแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมืองที่ฝ่ายตรงข้ามจ้องเอาคืนหรือไม่ โดยระบุว่า "วิญญูชนย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง เลยไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ