พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า จะสนับสนุนให้โรงพยาบาลรัฐใช้ยาและเวชภัณฑ์ที่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศมากขึ้น เพื่อประหยัดเงินตราในการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน
"จะหามาตรการสนับสนุนให้โรงพยาบาลมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมไบโอฟาร์มาที่ผลิตในประเทศเพื่อช่วยลดต้นทุนการนำเข้า ซึ่งถือเป็นกระบวนตั้งแต่ต้นทางในการผลิตยา และจะรักษามาตรฐานให้ยาคงคุณสมบัติอยู่ได้ถึง 2 ปี เพราะปัจจุบันยังมีการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลักทำให้มีราคายาสูง ซึ่งประเทศไทยมีบริษัทที่สามารถผลิตได้มาตรฐาน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลในการผลิตไบโอฟาร์มา ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่นำเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ในการวิจัยพัฒนาและผลิตยา เวชภัณฑ์ และเวชสำอาง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ เลียนแบบการทำงานของร่างกาย ซึ่งต่างจากการใช้เทคโนโลยีหรือสารเคมีที่มักส่งผลค้างเคียงต่อผู้ป่วย ทำให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง รวมทั้งเป็นที่ต้องการของตลาดสำหรับการใช้รักษาโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง ภูมิแพ้ตนเอง โรคไต และเบาหวาน เป็นต้น
ขณะที่ประเทศไทยมีความต้องการใช้ไบโอฟาร์มารวมทั้งสิ้นกว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และมีราคาสูงทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ได้จำกัด โดยขณะนี้บริษัทฯ มีเวชภัณฑ์ที่วางจำหน่ายแล้ว 2 รายการ คือ ยาบำบัดภาวะเลือดจางในผู้ป่วยไต และยาบำบัดภาวะเสี่ยงการติดเชื้อในผู้ป่วยมะเร็ง ช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้กว่า 3 พันล้านบาทในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะพยายามผลักดันให้ไทยเป็นประเทศรายใหม่ที่มีส่วนในการผลิตยาและถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมใหม่ที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุน และได้สั่งการให้นำยาประเภทนี้เข้าสู่บัญชีนวัตกรรมด้วย พร้อมทั้งให้โรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลทหารมีการจัดซื้อจัดจ้างยาที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก
พร้อมกันนั้นยังคาดหวังให้คนไทยมีโอกาสได้เข้าถึงแหล่งยามากขึ้น และอยากให้คนไทยภูมิใจในความเป็นไทย ช่วยกันทำ ช่วยกันคิด และช่วยกันใช้ เพื่อให้ยาที่ผลิตโดยคนไทยได้มีช่องทางการตลาด