นายกฯ ยันลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและความเดือดร้อนปชช.ด้วยตนเอง

ข่าวการเมือง Monday December 25, 2017 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การมาลงพื้นที่ในวันนี้ได้นำคณะรัฐมนตรี มารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนชาวจังหวัดพิษณุโลกด้วยตนเอง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปเยี่ยมชมวิสาหกิจฯ บ้านวังส้มซ่า ที่มีการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ ในรูปแบบกลไกของประชารัฐ ที่มีการต่อยอดเรื่องการแปรรูปของผลิตภัณฑ์ในชุมชนเดิม

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบในลุ่มน้ำหลักของภาค ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมซ้ำซากอยู่เป็นประจำทุกปีว่า การบริหารจัดการน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงศักยภาพของพื้นที่ที่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำได้ ตลอดจนต้องมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในการสำรวจ จัดทำข้อมูล วิเคราะห์และจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่ ฟื้นฟู ตลอดจนการปรับปรุงแหล่งน้ำ โครงสร้างน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ รวมทั้งต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ไปสู่การปลูกพืชในระบบเกษตร โดยนำแนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานคำว่า “พอเพียงกับคุณธรรม" เพื่อให้ประชาชนนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเอง และแนวทางในการดำเนินงาน จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ ที่สำคัญประชาชนต้องมีส่วนร่วม และได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอย่างแท้จริง จะได้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า หากในอนาคตข้างหน้า เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นและมีการจัดระบบการเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลก็จะมีรายได้และมีการลงทุนมากขึ้น และไม่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินจำนวนมาก ที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยในส่วนของสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสิ่งจำเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค ซึ่งรัฐบาลกำลังปรับงบประมาณกลุ่มจังหวัด การค้าการลงทุนต้องให้มีความเชื่อมโยงทุกจังหวัดและไปสู่ภูมิภาค แต่ต้องมีการบูรณาการร่วมกัน

ขณะนี้ การเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เชิงวัฒนธรรม วิถีเชิงชุมชน และเชิงอัตตลักษณ์ มีชาวต่างชาตินิยมมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จึงต้องสร้างชุมชนการผลิตให้ได้ โดยเฉพาะการเพาะปลูกด้านการเกษตรที่มีต้นทุนต่ำ ซึ่งท้องถิ่นและประชาชนต้องร่วมมือกันด้วย

จากนั้นในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาภาคเหนือร่วมกับผู้แทนภาคเอกชน ผู้แทนสภาเกษตรกร ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของพื้นที่ในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางอากาศ ทางบก และทางราง ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม 9 ลุ่มแม่น้ำในภาคเหนือ ด้านการเกษตรและเกษตรแปรรูป ด้านการค้า การลงทุน และการค้าชายแดน ด้านการแพทย์ การบริการผู้สูงอายุและสังคมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน และด้านการท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์

โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวมอบนโยบายก่อนการประชุมว่า ภาคเหนือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง อีกทั้งต้องเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องพัฒนาเพื่อยกระดับขีดความสามารถให้กับกลุ่มภูมิภาคได้เดินหน้าต่อไปในอนาคต

สำหรับการประชุมร่วมในวันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่าเพื่อต้องการรับฟังความคิดเห็น รวมถึงปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากมีสิ่งใดที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนขอให้แจ้งมาได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และยินดีให้การส่งเสริม สนับสนุนสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ