นายกฯ ประกาศวาระแห่งชาติสิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 เร่งสร้างสมดุลการเมืองกับกม.ไม่ให้เกิดปัญหา

ข่าวการเมือง Monday February 12, 2018 12:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปาฐกถาพิเศษในงานประกาศวาระแห่งชาติ "สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" ว่า ปัจจุบันทุกประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องของสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะองค์การระหว่างประเทศ เพราะจะช่วยให้เกิดสันติภาพ ซึ่งแม้รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาในช่วงเวลาจำกัด แต่ก็ได้เริ่มต้นแก้ไขปัญหาและขจัดอุปสรรค โดยมุ่งส่งเสริมอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อคนไทยที่ต้องอยู่ร่วมกันอย่างสบงสุข สันติ คนมีความรัก ความสามัคคี รู้สิทธิ หน้าที่ และรู้กฎหมาย โดยไม่ละเมิดสิทธิคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

พร้อมยืนยัน รัฐบาลไม่ได้ละเลยต่อการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชน แต่ขออย่าอ้างถึงแค่รัฐธรรมนูญ ทั้งที่มีกฎหมายลูกอีกเยอะที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญจึงขอศึกษาให้เข้าใจไม่งั้นความขัดแย้งจะเกิด หากอ้างแค่กฎหมายหลักเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี 2560 มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่แผนสิทธิมนุษยชนฉบับที่ 3 ก็ส่งเสริมคุ้มครองสิทธิของทุกกลุ่ม เพราะไม่ต้องการให้กฎหมายเป็นเครื่องมือของความขัดแย้ง ดังนั้นทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชนต้องร่วมมือกันลดความขัดแย้งทางกฎหมายให้ได้

นอกจากนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายชัดเจน ในการสร้างสังคม ส่งเสริมสิทธิ และความเท่าเทียมโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อความมั่นคง และสันติสุข เพราะถ้าไม่สงบประเทศก็เดินหน้าไม่ได้

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐมุ่งหวังในการลดปัญหา โดยกำหนดเป้าหมายและประเด็นที่ชัดเจน โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมและการเมืองการปกครองที่ยังมีปัญหา โดยเฉพาะการเมืองกับกฎหมายที่ต้องสร้างสมดุลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ในการไปสู่ประชาธิปไตย ปัญหาอย่างหนึ่งที่สำคัญคือประชาชนไม่เข้าใจกฎหมาย จึงฝากให้นักสิทธิมนุษยชน ช่วยดูแลและสร้างความเข้าใจ โดยเฉพาะประชาชน ต้องเข้าใจรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายหลัก แต่ต้องเรียนรู้กฎหมายลูกที่เป็นแนวทางปฏิบัติ ให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข หรือ คือการใช้หลัก รู้สิทธิของตนเอง พร้อมกับเคารพสิทธิบุคคลอื่น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองอาจไม่ได้เป็นผู้นำที่ดีที่สุด แต่ยืนยันว่า มีความตั้งใจในการเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ จึงขอให้ทุกคนรวมทั้งทูตจากประเทศต่างๆเข้าใจ และต้องสื่อสารด้วยกันทั้งสองทาง หากพบว่าประเทศไทยมีปัญหาในเรื่องใด ก็ขอให้แจ้งมา ซึ่งรัฐบาลพร้อมชี้แจงและตรวจสอบทั้งหมด ที่สำคัญต้องแยกกันระหว่างการละเมิดกฎหมายและละเมิดสิทธิเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา

"ซึ่งวันนี้ ตัวเองก็ผมพยายามผ่อนคลาย สร้างความสงบ เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน และเป็นสากล จึงหวังว่า ทุกภาคส่วนจะนำยุทธศาสตร์นี้ไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน"

พร้อมยืนยัน ไม่มีรัฐบาลไหนบนโลกใบนี้ อยากทำร้ายหรือรังแกประชาชน เช่นเดียวกับรัฐบาลนี้ ที่มุ่งดูแลประชาชนทุกกลุ่ม และขจัดอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน โดยรัฐบาลไม่เคยละเมิดสิทธิมนุษยชนกับใครตามที่มีบางกลุ่มพยายามให้ข้อมูล

"ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหากทำผิด แต่สำหรับบางคน ได้ดำเนินการตามกระบวนยุติธรรมครบถ้วนแล้ว มีการลงโทษแล้ว แต่ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศ ขณะที่หลายประเทศมองแต่เรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว และมองเป็นเรื่องภายในแต่ละประเทศ แต่ตนเองมองว่า ประเทศไทยเองก็มีมีศักดิ์ศรี มีความเป็นมนุษย์ ดังนั้นใครที่ละเมิดกฎหมาย และมาทำผิดในประเทศไทย ตนเองก็ดำเนินคดี และมีการส่งตัวกลับไปลงโทษที่ประเทศต้นทาง ดังนั้นทุกประเทศ ก็น่าจะเคารพในสิ่งเหล่านี้ อย่าให้มีความเคลื่อนไหวของคนที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยเคารพกฎหมายของประเทศอื่น ดังนั้น ประเทศอื่นก็ควรเคารพกฎหมายประเทศไทยด้วยเช่นกัน ถึงจะเรียกว่านั่นคือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของไทย"นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ประเทศไทยยังมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะปัญหาการเมือง ที่มีการกระทำผิดเพื่อมุ่งผลทางการเมือง เพราะการเมืองคือการเมือง วันนี้ยังออกมาเคลื่อนไหวทุกวัน ถ้าไม่มีกฎหมายเลยคงวุ่นวายบานปลายไปเรื่อยๆ เมื่อได้รับการประกันตัวออกมา ก็มาเคลื่อนไหวอีก แสดงว่ามีความมุ่งหมายอย่างอื่น เจตนาไม่บริสุทธิ์ จึงถามว่า ทุกประเทศจะแก้ปัญหานี้อย่างไร หากคิดว่าไทยแก้ปัญหาไม่ถูกต้องก็ขอให้ช่วยแนะนำ ทั้งที่ผ่านมาก็อนุโลมไปเรื่อยๆ

"อย่าให้สิทธิเสรีภาพ หรือสิทธิมนุษยชนมาล้มทุกอย่าง เพราะจะเป็นปัญหาต่อทุกฝ่ายจนนำไปสู่ความขัดแย้ง และนำไปสู่การสู้รบ และมีการใช้กำลัง ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก"นายกรัฐมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ