ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีคอร์รัปชั่นมีแนวโน้มรุนแรงและล่อแหลมมากขึ้นเหตุเข้าใกล้ช่วงประมูลงานภาครัฐ

ข่าวการเมือง Thursday February 15, 2018 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย เดือน ธ.ค.60 พบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ 52 ลดลงจาก 53 ในเดือน มิ.ย.60 ขณะที่ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในปัจจุบัน อยู่ที่ 51 ลดลงจาก 52 ในเดือน มิ.ย.60 ส่วนดัชนีแนวโน้มสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย อยู่ที่ 53 ลดลงจาก 54 ในเดือน มิ.ย.60

อนึ่ง ดัชนียิ่งมีค่าใกล้ 100 แสดงว่าสถานการณ์การคอร์รัปชั่นมีปัญหาลดน้อยลงหรือสถานการณ์ดีขึ้น และดัชนียิ่งเข้าใกล้ 0 แสดงว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นมีปัญหามากขึ้นหรือสถานการณ์แย่ลง

ทั้งนี้ เมื่อแยกดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่น 4 หมวด พบว่า ดัชนีปัญหาและความรุนแรงของการคอร์รัปชั่นเดือนธ.ค.60 มีค่าเท่ากับ 42 ลดลงจากการสำรวจเดือนมิ.ย.60 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 44 ด้านดัชนีการป้องกันการคอร์รัปชั่นมีค่าเท่ากับ 53 เท่ากับในการสำรวจเมื่อเดือนมิ.ย.60 ดัชนีการปราบปรามการคอร์รัปชันเดือนธ.ค.60 มีค่าเท่ากับ 53 ลดลงจากการสำรวจเดือนมิ.ย.60 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 54 และดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึกมีค่าเท่ากับ 60 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเดือนมิ.ย.60 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 60

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในปัจจุบันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จำนวน 37% มองว่ารุนแรงเพิ่มขึ้น, 33% มองว่าเท่าเดิม และ 30% มองว่าลดลง

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย จาก 2,400 ตัวอย่าง จากกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มคือ ประชาชน ข้าราชการ และนักธุรกิจ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า ดัชนีสถานการ์คอร์รัปชั่นไทยที่ออกมา บ่งบอกได้ว่า สถานการ์คอร์รัปชั่นมีความรุนแรงและล่อแหลมมากขึ้น และเริ่มเห็นสัญญาณการจ่ายเงินใต้โต๊ะในสัดส่วนมากกว่า 20 % เพิ่มมากขึ้น แม้จะมีมาตรการป้องกันต่างๆ แต่หน่วยงานภาครัฐเริ่มหาช่องทางในการหาเงินใต้โต๊ะ ซึ่งการแก้ไขปัญหายังไม่ยากนัก เพราะประชาชนและภาคเอกชนมีความตื่นตัวและพร้อมร่วมตรวจสอบมากขึ้น

ส่วนกรณีประเด็นเรื่องนาฬิกาหรู ที่สังคมให้ความสนใจ จะส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันหรือไม่นั้นนายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผลการสำรวจไม่ได้เจาะจงประเด็นนี้ และผลโพลล์ไม่ได้ชี้เรื่องนี้ออกมา แต่เมื่อมีประเด็นต่างๆ ประชาชนสามารถสัมผัสได้และมีมุมมองสะท้อนออกมาได้ ซึ่งสิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลมีความจริงจังกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันเพียงใด

ส่วนจะส่งให้การประเมินดัชนีสถานการ์คอร์รัปชั่นไทยในรอบหน้าแย่ลงหรือไม่นั้น นายธนวรรธน์ มองว่า ขึ้นอยู่กับความจริงจังของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา เพราะหลังจากนี้จะเข้าสู่ช่วงการประมูลโครงการของรัฐบาลมากขึ้น ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการคอร์รัปชั่นเพิ่มมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ