(เพิ่มเติม) นายกฯ ระบุยังไม่กำหนดวันนัดหารือพรรคการเมืองแต่ยันไม่ปลดล็อกทั้งหมดในคราวเดียว

ข่าวการเมือง Tuesday May 15, 2018 16:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ยังไม่ได้กำหนดวันหารือกับกลุ่มพรรคการเมืองที่เตรียมจะจัดขึ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยหัวข้อที่จะหารือจะมีประเด็นเรื่องการทำกิจกรรมพรรคการเมืองที่จะให้เป็นไปตามขั้นตอน พร้อมทั้งจะมีการหารือถึงกติกาการหาเสียง ที่ต้องลดความขัดแย้ง และทุกคนต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง

ส่วนกรณีที่บางพรรคการเมืองประกาศไม่ขอร่วมหารือนั้นก็ขอให้ประชาชนไปพิจารณา เพราะที่ต้องการหารือ เนื่องจากไม่อยากให้เกิดปัญหาเหมือนเช่นในอดีตและอยากเห็นการเลือกได้นักการเมืองที่มีคุณธรรม มีธรรมภิบาล

ส่วนข้อเสนอของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ที่ชูการเมืองสูตร พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี เน้นโอบไหล่คนกลุ่มต่างๆ ที่มีความขัดแย้งให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้เป็นสูตร No Problem นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ต้องมาพูด เพราะหลังเลือกตั้งทุกพรรคต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่ควรสัญญาคือหลังเลือกตั้งต้องไม่มีการประท้วง ไม่ขัดแย้ง และไม่ใช้อาวุธสงคราม พร้อมตั้งคำถามกลับว่า หากเลือกตั้งมาแล้วบริหารประเทศไม่ได้จะทำอย่างไร ก็คงจะนำมาสู่การรัฐประหาร ซึ่งไม่มีใครอยากทำ จึงขอให้ประชาชนพิจารณาว่า จะยอมให้มีคนมาพูดจาให้เกิดความขัดแย้งเหมือนเช่นทุกวันนี้ต่อไปอีกหรือไม่

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ต้องการให้เลือกตั้งเกิดขึ้น ไม่เคยหาเหตุให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป เพราะประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ไม่มีใครจะมาฝืนได้ ดังนั้นใครจะจับมือกับใครก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน แต่สิ่งสำคัญวันนี้ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจว่า ประชาธิปไตยที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ ทำอย่างไรให้ได้ ส.ส. และรัฐบาลที่มีคุณภาพ ลดความขัดแย้งและมุ่งหวังให้รัฐบาลต่อไปสานต่องานปฏิรูประยะแรกที่รัฐบาลชุดนี้ได้วางเอาไว้

พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของนิด้าโพลและโพลจากสำนักต่างๆ ที่สนับสนุนให้เป็นตนเองทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ส่วนตัวมุ่งหวังเพียงว่าทำอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ได้คณะรัฐมนตรี และ ส.ส.ที่มีคุณภาพ ซึ่งผลสำรวจจะออกมาอย่างไรก็เป็นเรื่องของโพล

ส่วนโอกาสในการจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล หลังผลสำรวจระบุว่าประชาชนอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร แต่ทุกพรรคการเมืองต้องทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง ใครจะเข้ามาทำงานก็ขอให้ทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เอาแต่โจมตีกันไปมา

สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝง หรือจะดูดใครตามที่เป็นข่าวทั้งสิ้น แต่เป็นการลงพื้นที่เพื่อติดตามงานและพบปะประชาชน ส่วนบรรยากาศการเมืองในขณะนี้ก็ต้องเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งตนเองยืนยันมาตลอดว่าต้องมีเลือกตั้งเกิดขึ้น เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา

ส่วนการแนะนำนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่าเป็นทีมประชารัฐในช่วงลงพื้นที่และพูดคุยกับประชาชนที่สนามช้างอารีน่า จ.บุรีรัมย์ นั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ทุกคนถือว่าเป็นทีมประชารัฐของรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น

"ที่ผมพูด เพราะเขาให้เกียรติผม ผมก็ให้เกียรติเขา อยู่ที่พรรคใครผมไม่สนใจ เขาจะสนับสนุนแนวทางปฏิรูปประเทศหรือไม่เป็นเรื่องของท่าน จะอยู่พรรคไหนก็แล้วแต่ ผมยังไม่ได้พูดว่าจะอยู่พรรคไหน ผมยังไม่ได้พูดสักคำ เพราะฉะนั้นอย่าเขียนว่า นี่พวกนั่นพวกนี้ ผมยังไม่พูดอะไรสักอย่าง ผมอยู่กับใครยังไม่รู้ หรือยังไม่อยู่ก็ไม่รู้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ตนเองยังไม่จำเป็นต้องมีกองหนุน แต่หากจะหนุนก็ขอให้ไปสนับสนุนประเทศ ทำให้มีความปลอดภัย บ้านเมืองเรียบร้อย และอยากให้ทุกคนลองมองคนอื่นๆ ที่จะเสนอตัวมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถทำงานได้ดีบ้าง

ส่วนกรณีมีข่าวการชูนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้ลงเลือกเลือกตั้งเพื่อกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังนายมะหาเธร์ อายุ 92 ปี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียได้อีกครั้งนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ประเทศไทยก็ควรมีสถาปัตยกรรมการเมืองที่ไม่เหมือนใคร เพราะประเทศไทยก็ถือมีเอกลักษณ์ความแตกต่างจากประเทศอื่น และคงไม่สามารถนำบรรทัดฐานของประเทศอื่นมาใช้ในประเทศได้ทั้งหมด และขออย่าดูถูกคนไทย เพราะปัจจุบันประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ ในประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งต้องรอการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นด้วย

ขณะที่ยังคงจะต้องดำเนินการประสานให้เกิดความร่วมมือในการพูดคุยเพื่อสันติสุขต่อไป แม้ขณะนี้มาเลเซียจะได้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งประเทศมาเลเซียอยู่ในฐานะผู้อำนวยความสะดวก ไม่ได้ร่วมในการพูดคุยด้วย ซึ่งคิดว่าแนวทางนี้จะคงดำเนินต่อไป เพราะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน ให้โลกรู้ว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหา และที่สำคัญเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในภูมิภาคนี้ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ