นายกฯ ขอไทยเดินหน้าปฎิรูปประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำข้าราชการต้องมีคุณภาพ ช่วยพัฒนาประเทศ

ข่าวการเมือง Monday September 10, 2018 12:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมสัมมนาวิชาการประจำปีกลุ่มกำลังคนคุณภาพ หัวข้อ "หนึ่งองศาขยับ ปรับเปลี่ยนประเทศไทย : กำลังคนคุณภาพกับการปฏิรูปประเทศเชิงบูรณาการ" พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อสนับสนุนกลไกการปฏิบัติงานในโครงการเชิงยุทธศาสตร์และโครงการสำคัญระดับประเทศ

ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. มีภารกิจในการสร้างสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ โดยมีการวางระบบบริหารงานบุคคล ดึงดูด สร้างและรักษาคนดีคนเก่งไว้ในภาครัฐ จึงได้มีระบบข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูงเป็นเครื่องมือการบริหารจัดการกำลังคนคุณภาพของ ก.พ. เพื่อสร้างความพร้อมให้กับข้าราชการผู้มีศักยภาพสูง ผ่านกลไกการเรียนรู้ การพัฒนา และการสั่งสมประสบการณ์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยระบบการสรรหาและคัดเลือกระบบการพัฒนา ระบบการสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ และระบบการเสริมสร้างแรงจูงใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า วันนี้ต้องเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยต้องมองในระยะยาว ซึ่งประชาธิปไตยที่เดินมากว่า 80 ปี จะต้องปรับเปลี่ยนไปตามระยะเวลา บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ และยังมีเรื่องของความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดทิศทางเพื่อปรับเปลี่ยน โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลังมีการปฏิรูปประเทศอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญการปรับเปลี่ยนจะต้องมาจากความเข้าใจของคนทั้งองค์กร และในอนาคตต้องปรับเปลี่ยนส่วนราชการให้มีขนาดองค์กรเล็กลง แต่ต้องมีคุณภาพ และทำเพื่อประชาชนและตอบโจทย์ให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมและต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง

ขณะที่ส่วนราชการยังคงมีปัญหาอยู่ในหลายเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องการทุจริตเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงาน สร้างความเข้าใจระหว่างกัน และหากคนไม่มีการปรับเปลี่ยน ทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าข้าราชการจะต้องมีความพยายาม มีความสามารถ ทำให้คนอื่นยอมรับในแนวคิดและแนวทางเพื่อการพัฒนา ซึ่งต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นแบบละมุมละม่อม ลดการแสดงความเห็นที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งตนพร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และหากไม่มีการกระทำผิด ก็จะไม่เกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมา ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหา ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม และที่ผ่านมาตนเองเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มามาก

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศไทยอยู่มาได้จนทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องดี แม้บางช่วงจะประสบปัญหาความขัดแย้งหรือสะดุดบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะหลายประเทศทั่วโลกล้วนผ่านช่วงเวลานั้นมาทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งที่ได้ถือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้หลายประเทศเหล่านั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น นอกจากประสบการณ์ที่จะไม่ทำให้เดินไปสู่จุดนั้นอีก ดังนั้นไทยต้องช่วยกันแก้ปัญหา และเดินก้าวผ่านไป ยังจุดที่ต่างชาติกำลังเป็นอยู่ขณะนี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งต้องทำให้ได้ก่อนการเลือกตั้ง ประชาชนต้องอยู่ด้วยความปลอดภัย ไม่ใช่ทำทุกอย่างให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการนำพาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น เช่น ถนนหรือโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่ไม่ได้รับการพัฒนาหรือไม่มีการซ่อมแซม และตามขั้นตอนจะต้องได้รับการดูแล โดยไม่จำเป็นที่จะต้องส่งเรื่องมาที่ตนเองทั้งหมด ซึ่งเกิดจากการที่ประชาชนไม่เข้าใจว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ โดยเป็นผลมาจากประชาธิปไตยที่บิดเบือน ทั้งนี้การแก้ปัญหาส่วนใหญ่เป็นความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มาจากประชาชนในพื้นที่เป็นผู้เลือก ดังนั้นขอให้ประชาชนเข้าใจว่าการเลือกผู้นำท้องถิ่นจะต้องเป็นคนที่มีความรู้ความเข้าใจถึงแนวทางพัฒนาและการบริหารจัดการงบประมาณอย่างแท้จริง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง อยากให้มีหลักสูตรที่ให้ข้าราชการประชาชนและท้องถิ่นได้มาพูดคุยกัน โดยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ทุกคนมารักตนเอง แต่ต้องการให้ทุกฝ่ายได้รู้ว่าบ้านเมืองจะเดินหน้าไปอย่างไร ข้าราชการท้องถิ่นจะต้องทำอย่างไรบ้าง ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจในการทำงานต่างๆ พร้อมย้ำว่ามีหลายเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการภายใน 3 เดือนนี้ ทั้งนี้ในส่วนนโยบายทางการเมืองต้องสอดคล้อง และคิดใหม่ทำใหม่ ไม่ใช่เพียงเสนอว่าจะให้เหมือนที่ผ่านมา และที่สำคัญข้าราชการต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า การที่ลำบากในวันนี้ จะได้ความสบายอะไรในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ