ปชป.ปรับโครงสร้าง กก.บริหารเตรียมเปิดหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าใหม่"อภิสิทธิ์"แจงนโยบายศก.-ศึกษา-การเมือง

ข่าวการเมือง Wednesday September 26, 2018 19:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2561 ครั้งที่ 1 ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีภารกิจเช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ ต้องดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งมีหลายมีหลายประเด็น โดยวันนี้ยังไม่สามารถเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคได้ เนื่องจากต้องเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรค และประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ก่อน หลังจากนั้นจะมีการจัดประชุมอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะมีขึ้นในต้นเดือน พ.ย.จึงจะสามารถเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคได้

ทั้งนี้ ระเบียบการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค จะเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหาร ทั้ง 41 คนเป็นผู้พิจารณา ตนไม่ขอมีส่วนร่วม เพราะมีส่วนได้เสีย แต่ข้อบังคับพรรคและนโยบายที่ผ่านการพิจารณาในวันนี้ สรุปจะมีกรรมการบริหาร 41 คนเท่าเดิม และจะต้องมีผู้หญิงสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 10 คน กรรมการคัดเลือกผู้สมัครในนามพรรคจะต้องมีผู้หญิง 3 คนใน 11 คน และต้องมีผู้ที่มีอายุไม่เกิน 35 ปี 1 คน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ระเบียบว่าด้วยการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคนั้นจำเป็นต้องวางกรอบไม่ให้เกิดความแทรกซ้อนจนเกิดความเสียหายแก่พรรค ซึ่งที่ประชุมพรรคไม่มีผู้ติดใจเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบ ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบว่าสมาชิกพรรคมีสิทธิหยั่งเสียงอยู่แล้ว แต่สมาชิกพรรคเดิม 2.5 ล้านคนโดนสลายความเป็นสมาชิกโดยคำสั่ง คสช. ไม่ได้ลาออกจากพรรคและไปสมัครสมาชิกพรรคอื่น ดังนั้น จึงมีสิทธิที่จะหยั่งเสียงได้

สำหรับการนับคะแนนเป็นเรื่องที่คณะกรรมการจะพิจารณารายละเอียด ไม่ใช่เพื่อการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่เพื่อทำให้ได้ระบบดีที่สุดและมีความรัดกุม โดยผู้ที่จะหยั่งเสียงจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อใช้สิทธิ คาดว่าการยกร่างระเบียบนี้จะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า และคาดว่าวันที่ 1 ต.ค.61 จะสามารถเริ่มรับสมัครสมาชิกพรรคในทุกรูปแบบ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปร่วมประชุมหัวหน้าพรรคกลุ่มประเทศเสรีนิยมประชาธิปไตยเอเชีย ที่แอฟริกา ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรค หากมีการเสนอชื่อตนเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตนก็จะยุติการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรค แต่จะยังไม่ลาออก เพราะหากลาออกจะทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องสิ้นสภาพ

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงนโยบายของพรรคว่า ด้านเศรษฐกิจจะไม่ใช้ GDP เป็นตัววัดเพียงอย่างเดียว เพราะไม่สะท้อนข้อเท็จจริงและความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย แต่จะมีตัวชี้วัดที่หลากหลาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและช่วยเหลือคนยากจน ขจัดการเอารัดเอาเปรียบ เพิ่มสวัสดิการ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะต้องเชื่อมโยงกับภูมิภาคต่างๆ และการพัฒนาหัวเมืองใหญ่ตามพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นเมืองที่พัฒนาแล้ว

ส่วนด้านการศึกษา จากเคยวางเป้าหมายที่ให้ความรู้ จะเป็นการเสริมทักษะ โดยให้เอกชนเข้ามาร่วมเน้นด้านอาชีวะศึกษา จบแล้วมีงานทำ ขณะที่ระบบสาธารณสุข จะดูแลไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบโดยเอกชน สามารถเข้าถึงผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่กับบ้าน ยอมรับความหลากหลายทางชนชาติ ส่วนเรื่องสิ่งแวดล้อมจะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถขายพลังงานทดแทนได้ และมีส่วนร่วมฟื้นฟูป่า

ขณะที่นโยบายด้านการเมือง จะเป็นต้นแบบของประชาธิปไตย กฎหมายใดที่ไม่สอดคล้องกับประชาธิปไตย จะสนับสนุนให้มีการแก้ไข ไม่ลุแก่อำนาจที่ได้จากประชาชน และยอมรับการตรวจสอบจากทุกภาคส่วน กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ให้จังหวัดจัดการตัวเอง ปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ