นายกฯ เผย ครม.-คสช.หารือเตรียมปลดล็อคกิจกรรมการเมืองหลังการประชุมร่วม 7 ธ.ค.นี้

ข่าวการเมือง Monday November 26, 2018 16:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ที่ประชุม คสช.ในวันนี้ได้หารือเกี่ยวกับการนัดพรรคการเมืองพูดคุยในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ โดยจะเป็นการรับฟังความเห็นและชี้แจงขั้นตอนทางกฎหมาย โดยรัฐบาลยินดีรับฟังและหาทางออก ทั้งเรื่องที่ทำได้และทำไม่ได้ ดังนั้น ขออย่าทำให้ความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก เพราะจะถือเป็นการเริ่มต้นไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งหลังการพูดคุยกับพรรคการเมืองเสร็จสิ้นน่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ โดยจะปลดล็อกให้เร็วที่สุด และหลังจากนั้นให้ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อปฏิบัติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะ คสช.มีหน้าที่ปลดล็อก ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของ กกต.

นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามถึงความสนใจการเมืองว่า ได้สอบถามฝ่ายกฎหมายแล้ว ยืนยันว่าคงไม่จำเป็นต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และขณะนี้ยังไม่มีพรรคการเมืองใดมาทาบทามให้เข้าร่วมงาน มีแต่สื่อมวลชนที่ทาบทามให้ทุกวัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อกฎหมายออกมาทุกอย่างก็จะเกิดความชัดเจนเอง และหากพรรคการเมืองที่มาทาบทามตนเองให้เป็นหนึ่งในบัญชีรายชื่อของบุคคลที่จะเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี และตรงกับใจของตนเองที่คิดไว้ ก็คงให้เป็นไปตามนั้น แต่ไม่ต้องถามว่าตอนนี้ตัดสินใจแล้วกี่เปอร์เซนต์ เพราะเมื่อถึงเวลาที่ตัดสินใจ และถึงเวลาต้องเสนอชื่อนายกฯ ทุกอย่างก็จะร้อยเปอร์เซนต์เอง

"มีความสนใจทางการเมือง เพราะวันนี้ทำงานการเมืองและบริหารประเทศอยู่ ไม่สนใจคงไม่ได้ และจำเป็นต้องสนใจงานการเมืองต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศหลังจากนี้ และการบริหารประเทศจะเป็นไปตามยุทธศาสตร์และแผนแม่บทหรือไม่ รวมถึงสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ได้แก้ไขและปฏิรูปไปแล้วจะได้รับการสานต่อหรือไม่

อยากให้ทุกคนสนใจเรื่องนี้มากกว่าไปรับฟังคำบิดเบือน ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าจะมีการยกเลิกที่ดิน ส.ป.ก. โดยเอาที่ดินดังกล่าวคืนทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นความจริง รวมถึงการบิดเบือนเรื่องการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยที่จะให้กลับมาดำเนินการแบบเดิมได้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าได้รับความเดือดร้อน รวมไปถึงเรื่องราคายางพารา จึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟัง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.ในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี มองว่า เป็นเรื่องของความสมัครใจของแต่ละคน และเป็นเรื่องปกติที่มีมาโดยตลอดในทางการเมือง ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไปสั่งการให้ใครย้ายไปพรรคไหน ทุกคนสามารถย้ายพรรคได้หมด หากเห็นว่านโยบายทางการเมืองตรงใจและหลายคนก็อยากจะแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี

ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ และนำเอานโยบาย หลักการและเหตุผล การปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติมาเป็นหลัก ซึ่งพรรคใดก็ตามที่ดำเนินการแบบนี้ ก็น่าจะไปสู่ความสำเร็จ แต่หากทำอย่างอื่นก็จนใจ เพราะตนเองไม่เกี่ยวข้องและไม่สามารถรับผิดชอบได้ ซึ่งหากวันหน้าแก้ไขไม่ได้ก็คงกลับมาที่ตนเองที่จะถูกตำหนิว่าเสียของ ดังนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนในวันข้างหน้า และขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ซึ่งใครจะเป็นก็ยังไม่ทราบ แต่หากนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่อย่างมีธรรมาภิบาล ทุกอย่างคงจบ ดังนั้น ต้องหานายกรัฐมนตรีที่เป็นเช่นนั้นมา

ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของนิด้าโพลที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความนิยมคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผลโพล เพราะการทำโพลมีขั้นตอนและมีเป้าหมายในการสอบถามความเห็นประชาชน แต่เป็นการสอบถามความเห็นจากประชาชนเพียง 2-3 พันคนเท่านั้น ไม่ใช่ความเห็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคน

พร้อมระบุว่า การนำเสนอผลสำรวจจะต้องดูจุดประสงค์ในการตั้งคำถาม และกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการจัดทำโพลว่ามีเบื้องหลังหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของประชาชนมากกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ