(เพิ่มเติม) ไทย-ลาว หารือทวิภาคีพร้อมยกระดับความร่วมมือทุกมิติสู่หุ้นส่วนเพื่อความเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน

ข่าวการเมือง Friday December 14, 2018 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ผลสรุปสาระสำคัญการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-ลาว ครั้งที่ 3 ณ หอประชุมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี สปป.ลาวในช่วงก่อนการประชุมฯ เต็มคณะว่า ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในการยกระดับความร่วมมือ ให้เป็น "หุ้นส่วนเพื่อความเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน" โดยไทยและลาวจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนของสองประเทศได้รับประโยชน์จากการพัฒนา และความเชื่อมโยงที่จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงมากที่สุด โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันและเร่งรัดความร่วมมือต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าและได้ผลเป็นรูปธรรม

สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทยยืนยันสนับสนุนนโยบายของลาวในการปรับประเทศจาก Land-locked เป็น Land-linked และนโยบายการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งออกของ สปป.ลาว และจะร่วมมือกันเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดต่อไป

นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ร่วมด้านการพัฒนา ไทย – ลาว (Joint Development Strategy: JDS) ร่วมกัน เพื่อสอดประสานการพัฒนาระหว่างกันให้เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ โดยจะร่วมกันลดอุปสรรคการค้า การลงทุน ส่งเสริมการท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อที่สอดคล้องกับแผนแม่บท ACMECS ในระดับอนุภูมิภาค พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังให้คำมั่นว่า ในโอกาสที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2019 ไทยพร้อมทำงานร่วมกันกับลาวและกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียนในทุกด้าน

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ระหว่างการประชุมฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินความร่วมมือใน 3 มิติ ได้แก่ 1. มิติด้านการเมืองและความมั่นคง โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และนายสะเหลิมไซ กมมะสิด รมว.ต่างประเทศ สปป.ลาว โดยเห็นพ้องที่จะรักษาความสงบตามแนวชายแดน เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวชายแดน 2. มิติด้านเศรษฐกิจ โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ยุติธรรม และนายสมดี ดวงดี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การเงิน สปป.ลาว เห็นพ้องที่จะพัฒนาความเชื่อมโยง ทั้งด้านการท่องเที่ยว คมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนแก่ทั้งสองฝ่าย และ 3. มิติด้านสังคมและการพัฒนา โดย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และนายสอนไซ สีพันดอน รองนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าความร่วมมือระหว่างไทย-ลาว ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์พิเศษที่ประชาชนของสองประเทศมีระหว่างกัน และบนพื้นฐานของความเคารพ ความไว้เนื้อเชื่อใจและความเข้าใจอันดีต่อกัน

ในการนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันความร่วมมือกับ สปป.ลาว ในการเร่งฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว โดยจะดำเนินโครงการสร้างที่พักให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซ่อมแซมสะพานที่แขวงอัตตะปือ และให้ความร่วมมือด้านนิติวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวตามที่ฝ่ายลาวประสงค์

ด้านการเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน ได้แก่ การส่งเสริมการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่ - เวียงจันทน์ โดยการร่วมมือกันพัฒนาถนนหมายเลข 11 (R 11) การซ่อมแซมบูรณะความเสียหายสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม - คำม่วน) และแห่งที่ 4 (เชียงของ - ห้วยทราย) การดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ - บอลิคำไซ) และการศึกษาความเหมาะสมในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 6 (อุบลราชธานี - สาละวัน) การยกระดับจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก จังหวัดพะเยาของไทย รวมถึงการเร่งรัดเปิดใช้พื้นที่ควบคุมร่วม (Common Control Area: CCA) จุดแรกระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่บริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) นั้น นายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเร่งรัดผลักดันโครงการเหล่านี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในโอกาสแรก

นายกรัฐมนตรีเห็นว่ารัฐบาลสองประเทศ ควรร่วมมือกันสอดประสานผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ที่สำคัญ คือ การเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ตามเป้าหมาย 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2564 ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของลาวด้วย การจัดทำความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามแดนไทย - ลาว การยกระดับด่านของสองฝ่ายให้มีความเท่าเทียมกัน และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ร่วมเพื่อการพัฒนาไทย - ลาว ที่จะช่วยให้สองฝ่ายจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ ยังขอให้ทั้งสองฝ่ายพิจารณาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากความเชื่อมโยงที่รัฐบาลสองฝ่ายมุ่งส่งเสริม โดยขยายความร่วมมือด้าน Hardware หรือกายภาพ โดยเฉพาะถนนและสะพาน ไปพร้อมกับการพัฒนา Software หรือกฎระเบียบ เพื่ออำนวยความสะดวกระหว่างกัน และเพื่อให้ประชาชนของสองประเทศเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากความเชื่อมโยงดังกล่าวอย่างแท้จริง และสามารถเชื่อมความเชื่อมโยง (connect the connectivity) ในทุกมิติ ทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านช่องทางคมนาคมที่เชื่อมเข้าหากันทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวข้ามแดนไทย - ลาว ที่สองฝ่ายกำลังร่วมกันจัดทำ การเชื่อมโยงสายการผลิตระหว่างกัน รวมถึงการเชื่อมโยงด้านการเงิน การค้า และการลงทุน โดยใช้ประโยชน์จากระบบโลจิสติกส์ของไทยเพื่อเชื่อมต่อกับ EEC ซึ่งเป็นประตูออกสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ของสองประเทศร่วมมือกันอย่างแข็งขันต่อไป เพื่อผลักดันพลวัตของความสัมพันธ์ไทย - ลาวให้คืบหน้า และเพื่อร่วมกันส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้ก้าวหน้าไปด้วยกัน เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนสองประเทศในอนาคต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแห่ง สปป.ลาว ยังยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนบทบาทไทยในฐานะประธานอาเซียน ในปี 2019 ด้วย

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในด้านความร่วมมือด้านการเกษตร นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ และรมว.กสิกรรมและป่าไม้ สปป.ลาว ได้หารือสองฝ่ายร่วมกันเกี่ยวกับการกระชับความร่วมมือด้านการเกษตร รวมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาล สปป. ลาว จำนวน 7 ฉบับ อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ