นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวภายหลังติดตามบรรยากาศการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ของพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า ในส่วนของพรรคฯ ได้ตั้งเป้าจะกวาดที่นั่ง ส.ส. กทม.ให้ได้ 1 ใน 3 จากจำนวน ส.ส. 30 เขต ซึ่งพรรคจะสู้เต็มที่ เพราะทุกคนอาสาเข้ามาทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ ส่วนหมายเลขผู้สมัครนั้น มองว่าอาจจะไม่สำคัญเท่ากับตัวบุคคล
อย่างไรก็ดี พรรคฯ พร้อมนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน โดยพรรคได้มองถึงอนาคตที่ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิทัล สร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน พร้อมทั้งมั่นใจว่าเรตติ้งของพรรคดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยขณะนี้ยังคงรอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะตอบรับคำเชิญของพรรคหรือไม่ ซึ่งยังมีเวลาที่พรรคจะยื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ถึงวันที่ 8 ก.พ.62 ส่วนกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยังติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ยังไม่ได้พูดคุยกัน
ทั้งนี้เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ มีความพร้อมด้วยบุคลากร ด้วยนโยบายด้านสวัสดิการสังคม และเศรษฐกิจ จะตอบโจทย์ให้กับประเทศไทย และเชื่อว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเมืองไทยในขณะนี้
"เราต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรามีเพื่อกทม.ให้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งปัญหา กทม.นั้น ปัญหาใหญ่คือด้านสิ่งแวดล้อม โดยพรรค พปชร.ต้องการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ชาว กทม.ให้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น แก้ไขปัญหามลพิษ โดยมีทางออกในปัญหาต่างๆให้ชาว กทม.อย่างรวดเร็ว และแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้แม้พื้นที่ กทม.ฐานเสียงเดิมจะเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย แต่ พปชร.ไม่ได้กังวล เพราะพรรคเรามุ่งมั่นที่จะเป็นพรรคทางเลือกใหม่ให้การเมืองไทย ที่ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เลิกแบ่งสี แบ่งฝ่าย ส่วนจะได้ ส.ส. กทม.กี่ที่นั่งนั้น เราจะทำอย่างเต็มที่" นายอุตตม กล่าวนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพปชร. กล่าวว่า มั่นใจว่าในพื้นที่ กทม.จะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 10 ที่นั่ง โดยไม่กังวลที่จะต้องแข่งขันกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ พร้อมย้ำคนรุ่นใหม่พรรคพลังประชารัฐ ยินดีอาสาเข้ามาทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยว่า ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องหวงแหน ดังนั้นจึงอย่าให้ใครหรือสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคขัดขวางทำให้ประชาธิปไตยต้องหยุดชะงัก เพราะถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องแสดงความเป็นเจ้าของประเทศ จึงขอเชิญชวนให้ออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และควรอยู่คู่กับประเทศไทย และทำให้ประเทศก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
พร้อมทั้งมั่นใจว่า ว่าที่ผู้สมัครของพรรคทุกคน จะทำตามข้อกฎหมายของการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด และไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ก็พร้อมจะยอมรับ
นายอนุทิน ย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมรับฟังการตัดสินใจของประชาชน และทางพรรคจะนำทุกคะแนนเสียงของประชาชนมาเป็นแนวทางปฏิบัติ ว่าต้องการให้พรรคทำหน้าที่อย่างไร