(เพิ่มเติม) นายกฯ ขอเวลาทำงานแก้ปัญหาให้ปชช.ก่อน พร้อมชี้แจงปมถวายสัตย์ ตั้งแต่ 16 ก.ย.เป็นต้นไป

ข่าวการเมือง Tuesday September 3, 2019 16:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติประเด็นการถวายสัตย์ฯ ว่า วันนี้ได้ให้ไปประสานกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่าตนเองพร้อมจะไปชี้แจงตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.เป็นต้นไป โดยช่วงนี้ขอเวลาทำงานอื่นไปก่อน

พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ขัดแย้งกับใครแต่ต้องระมัดระวังเรื่องการพูดจาอะไรต่างๆ และต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองพูด เพราะวันนี้เรื่องอยู่ในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เสนอให้เป็นการประชุมลับหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าควรจะประชุมลับหรือไม่ เป็นเรื่องของที่ประชุมจะพิจารณาร่วมกัน

"อย่าเป็นประเด็นนักเลย วันนี้ประเด็นเยอะแล้ว หลายเรื่องอยู่ในกระบวนการแล้วก็ให้กระบวนการว่าไป ผมไม่ได้ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ขอให้เห็นใจผมบ้าง ทุกวันนี้ก็ทำงานไม่หยุดอยู่แล้ว ขอเวลาแก้ปัญหาให้ประชาชนไปด้วย เรื่องนั้นผมก็ให้ความสำคัญ ถึงเวลาที่เหมาะสมก็พร้อมไปชี้แจง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวภายหลังการประชุมว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านยังคงรอความชัดเจนจากรัฐบาล และเห็นว่าไม่ควรนำเรื่องปัญหาของอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่มาเป็นข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่มาตอบการอภิปรายในสภาฯ แม้ว่าปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ แต่กรณีการถวายสัตย์ฯ ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะส่งผลต่อการบริหารงานของรัฐบาล และทั้งสองเรื่องสามารถทำควบคู่กันไปได้

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังคงละเลยหรือมีท่าทีที่จะหลบหนี ฝ่ายค้านจะเพิ่มมาตรการโดยจะมีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในพรุ่งนี้ (4 ก.ย.) ซึ่งอาจจะถอนญัตติการปภิปรายไม่ลงมติตามาตรา 152 แล้วขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแทน ซึ่งจะให้เวลารัฐบาลภายในสัปดาห์นี้ในการกำหนดวันอภิปราย ทั้งนี้หากจำเป็นต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเชื่อว่าจะสามารถทำได้ทันก่อนปิดสมัยประชุมนี้

ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลยังคงหลีกเลี่ยงการมาตอบในสภาฯ ยังมีมาตรการทางกฎหมายโดยจะใช้ช่องทางของรัฐธรรมนูญมาตรา 150 วรรค 2 ดำเนินการคดีทางอาญา โดยจะยื่นเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากเห็นว่ามีมูลก็จะต้องส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงคดีทางการเมือง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ