ศาล รธน.ไม่มีคำสั่งให้ 33 ส.ส.ที่ถูกร้องถือหุ้นสื่อต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่รอไต่สวนหาข้อเท็จจริงให้ยุติก่อน

ข่าวการเมือง Wednesday September 4, 2019 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 33 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 10 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่

ผลการพิจารณา ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ปรากฎว่า ส.ส.จำนวน 51 คน ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.รวมจำนวน 33 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)

ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะใช้สิทธิสัมครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ไว้ว่า "เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ" มิใช่เพียงมีเจตนาหรือความประสงค์จะทำกิจการดังกล่าวเท่านั้น ถึงแม้ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทมีวัตถุประสงค์จะประกอบธุรกิจพอที่จะใช้เป็นเหตุให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลได้ แต่ก่อนที่ศาลจะรับคำร้องไว้พิจารณาต่อไป ยังจำเป็นต้องตรวจสอบวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่ผู้ถูกร้องทั้ง 33 คนเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นอยู่ว่าเป็นวัตถุประสงค์ที่จะประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่

เมื่อตรวจสอบจากคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องนี้แล้ว ปรากฎว่ากรณีของนายวุฒินันท์ บุญชู ผู้ถูกร้องที่ 29 ที่ถูกกล่าวอ้างว่าถือหุ้นในบริษัท รุ่งเรืองสยาม ซูมิคอน จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน โดยตามคำร้องระบุไว้ในข้อ 11 ว่า "ประกอบกิจการจัดเก็บ รวบรวม จัดทำ จัดพิมพ์และเผยแพร่สถิติ ข้อมูลในทางเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การเงิน การตลาด รวมทั้งวิเคราะห์และประเมินผลในการดำเนินธุรกิจ" และข้อ 17 ระบุว่า "ประกอบกิจการจัดสร้างและจัดจำหน่ายภาพยนต์ โรงภาพยนต์และโรงมหรสพอื่น สถานพักตากอากาศ สนามกีฬา สระว่ายน้ำ โบว์ลิ่ง"

แต่เมื่อพิจารณจากเอกสารประกอบคำร้อง คือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์แล้ว ปรากฎว่ามีข้อความไม่ตรงกันกับคำกล่าวอ้างของผู้ร้องดังกล่าว กล่าวคือ ข้อ 11 ระบุวัตถุที่ประสงค์ไว้ว่า "ประกอบกิจการค้า เครื่องเคหะภัณฑ์ เครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องแก้ว เครื่องครัว ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ พัดลม เครื่องดูดอากาศ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เตารีดไฟฟ้า เครื่องทำความร้อน เครื่องทำความเย็น เตาอบไมโครเวฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า รวมทั้งอะไหล่และอุปกรณ์ของสินค้าดังกล่าว

ส่วนข้อ 17 ระบุวัตถุที่ประสงค์ไว้ว่า ประกอบกิจการค้ากระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์การถ่ายภาพและภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องมือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว" กรณีนี้จึงไม่ปรากฎวัตถุประสงค์ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง และเมื่อพิจารณารายละเอียดวัตถุประสงค์ตามข้อ 11 และข้อ 17 ดังกล่าวแล้ว เห็นว่าเป็นวัตถุประสงค์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งเป็นไปตามแนวการพิจารณาสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

ดังนั้น กรณีดังกล่าวจึงไม่เป็นลักษณะเข้าข่ายอันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ ส.ส.ของนายวุฒินันท์ บุญชู ผู้ถูกร้องที่ 29 ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) แต่อย่างใด จึงเห็นควรมีคำสั่งไม่รับคำร้องในรายของผู้ถูกร้องที่ 29 ไว้พิจารณาวินิจฉัย

สำหรับคำร้องของผู้ร้องในส่วนของผู้ถูกร้องที่เหลือ จำนวน 32 คน เห็นว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (5) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญจึงสั่งรับคำร้องเฉพาะของผู้ถูกร้อง จำนวน 32 คนไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้ง 32 คน เพื่อยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง

สำหรับคำขอให้ผู้ถูกร้องทั้ง 32 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง บัญญัติเงื่อนไขไว้ว่าจะต้อง "ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง" แต่ในคดีนี้ไม่มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง จึงไม่ปรากฎเอกสารหลักฐานอื่นใดให้ใช้เป็นฐานแห่งการพิจารณา คงมีเพียงหนังสือรับรองห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทระบุวัตถุที่ประสงค์กับสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นเอกสารประกอบคำร้องเท่าน้น ไม่ปรากฎแบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัทฯ (แบบ สสช.1) และแบบนำส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการใด กรณีจึงยังไม่มีมูลให้เห็นว่าผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจใด ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะต้องดำเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงให้ยุติเสียก่อน เมื่อยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้อง จำนวน 32 คน มีกรณีตามที่ถูกร้อง ในชั้นนี้จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้ง 32 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ