นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงสถานะของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ไวพจน์ อยู่ระหว่างหมายเรียกของศาลให้ไปฟังคำพิพากษาในวันที่ 31 ต.ค.62 ซึ่งหลังจากวันนั้น คงได้เห็นช่องทางตามกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งยอมรับว่ากังวลใจเรื่องของเสียงรัฐบาลเช่นกัน แต่ยังคงคิดไปในทางที่ดีว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ จะยังเป็น ส.ส.ให้พรรคพลังประชารัฐอยู่ ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงเรื่องการวางตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ต้องรอฟังคำพากษาในวันที่ 31 ต.ค.ก่อน
สำหรับภาวะเสียงรัฐบาลที่ปริ่มน้ำถือเป็นเรื่องปกติ เรื่องของพรรคเล็กก็ต้องค่อยๆ คุยกัน ไม่น่าจะมีปัญหา ที่ผ่านมาตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์นี้ ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วันก็จะปิดสมัยประชุม งานสภาถือเป็นงานหลักที่วิปรัฐบาลต้องดูแลมาโดยตลอด แม้จะลำบากแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
ส่วนจะมีการชักชวนพรรคการเมืองอื่นๆ มาร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้เสียงของรัฐบาลเมื่อหักเสียงของพรรคเล็กที่แยกตัวออกไป 2 พรรค เสียงของรัฐบาลก็จะอยู่ที่ 249 เสียง เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
"ไม่เป็นไร เราอยู่ได้ เพราะอย่าลืมว่าเสียงของ ส.ส.ทั้งสภาในขณะนี้อยู่ที่ 498 เสียง ซึ่งครึ่งหนึ่งก็คือ 249 เสียง นอกจากนี้เวลาประชุมสภา หากสังเกตก็จะพบว่าเวลาประชุมจะมี ส.ส.มาเซ็นชื่อเข้าประชุมอยู่ที่ประมาณ 400 กว่าเสียง และเวลาลงคะแนนก็จะอยู่ที่ประมาณ 200 กว่าเสียง ซึ่งถือว่าเป็นไปตามธรรมชาติ" นายวิรัชระบุส่วนการเตรียมความพร้อมหากมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม นายวิรัช กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อม หากพรรคส่งผู้สมัครลงในพื้นที่ใด ก็ตั้งความหวังไว้ทุกที่ และก็หวังว่าจะมีเสียงเพิ่มมากกว่าในขณะนี้
ประธานวิปรัฐบาล ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติขอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ในส่วนของรัฐบาลเองกำลังประสานกับนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล เพื่อเตรียมเรื่องยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะมีการยื่นภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ (13 ก.ย.)
ส่วนกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่าจะไม่บรรจุญัตติดังกล่าวเป็นญัตติด่วนนั้น นายวิรัช กล่าวว่า หากทิ้งช่วงให้ตกผลึกสักระยะน่าจะเป็นการดี เพราะเดือนพ.ย.ก็จะกลับมาเปิดประชุมสภาฯ แล้ว ดังนั้นให้เวลาเป็นเครื่องมือช่วยให้ตกผลึกในการทำงานจะดีกว่า