(เพิ่มเติม) ผบ.ทบ.ค้านแก้ไข รธน.มาตรา 1 เกี่ยวข้องความมั่นคงของชาติ-ห่วงกระทบมาตราอื่นโดยเฉพาะสถาบันฯ

ข่าวการเมือง Friday October 11, 2019 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวในการบรรยายพิเศษ เรื่อง"แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง" โดยระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เขียนไว้ว่า "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ และเกรงว่าการแก้ไขมาตราดังกล่าวอาจจะกระทบกับมาตราอื่น ๆ โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์

"ผมไม่ได้บอกรัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แต่มาตรานี้เกี่ยวความมั่นคงของชาติ บรรพบุรุษที่รักษาขวานทองไว้ ผมบอกได้เลยว่าไม่มีมีวัน" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

พร้อมทั้งระบุว่า ไม่ได้ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่มาตรา 1 คือเรื่องของฝ่ายความมั่นคง โดยทหารถูกเป็นเป้าโจมตีตลอด ทั้งๆที่ทหารทุกคนก็ทำงานตามกฎหมายให้กับทุกรัฐบาล ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เลือกนาย กลุ่มคนพวกนี้ก็รู้ดี แต่ไม่ได้มองทหารทำหน้าที่ปกป้องประเทศ แต่กลับมองเป็นอุปสรรคประชาธิปไตย ซึ่งไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไร เพราะทหารคือหลักแห่งความมั่นคงที่ต้องปกป้องอธิปไตย

"มีวาทกรรมหวังผลการเมืองเอาใจเด็กวัยรุ่น ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ลดงบกลาโหม ซื้ออาวุธทำไม...หนักแผ่นดิน"พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ทั้งนี้ ผบ.ทบ.กล่าวถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งจากทุกมุมโลก ซึ่งเกิดจากกลุ่มก่อการร้าย สงครามการค้า และที่สำคัญเกิดจากความขัดแย้งจากคนในชาติ ซึ่งเกิดจากการยุยง ปลุกปั่นจากคนในชาติกันเอง พร้อมทั้งได้มีการเปิดคลิปเหตุการณ์ความรุนแรงจากทุกมุมโลกประกอบภาพบรรยาย ก่อนที่จะหยุดไว้ที่ภาพของนายโจชัว หว่อง แกนนำผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง และกล่าวว่า ฮ่องกงถือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน แต่วันนี้เกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งคงไม่มีใครอยากเดินทางไปฮ่องกง แต่กลับมีบางคนเดินทางไปฮ่องกงและถ่ายรูปคู่กับนายโจชัว หว่อง และโพสต์ผ่านทางโซเชียล

"นายโจชัว หว่อง มาเมืองไทยไม่รู้กี่รอบ มาพบกับใครบ้าง มาพบกับกลุ่มคนประเภทไหน ซึ่งการพบกันมีวาระซ่อนเร้น วางแผนคบคิดทำอะไรอยู่หรือไม่ แถมขณะเกิดเหตุความวุ่นวาย ไปเยี่ยมเหมือนกับให้กำลังใจ ให้การสนับสนุน" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

พร้อมระบุว่า ทางการจีนไม่เคยใช้กำลังทหารเข้าปฏิบัติการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกง แต่ที่สำคัญคนที่ออกมาชุมนุมมีแต่กลุ่มวัยรุ่นทั้งนั้น พร้อมทั้งได้ตั้งข้อสังเกตว่าหากมีคนที่ผิดหวังไปยั่วยุ ปลุกปั่น คนที่ใช้โชลเชียลหรือการโฆษณาชวนเชื่อมาปั่นสมองนิสิต นักศึกษาของไทยแบบการชุมนุมที่ฮ่องกงจะออกมาชุมนุมกันหรือไม่

พล.อ.อภิรัชต์ ยังได้กล่าวถึง 3 เสาหลักของประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ซึ่งในขณะนี้มีความพยายามในทุกรูปแบบ ที่ทำให้อำนาจของฝ่ายตุลาการขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่งเมื่อประมาณปี 2546 ตนได้มีโอกาสไปร่วมฟังคำพิพากษายุบพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรคนั้น ก็เริ่มมีการแสดงออกถึงความไม่พอใจว่า ตัดสินไม่สมควร มีการกล่าวหาว่ามีการแทรกแซงผู้พิพากษา ทำให้ผู้พิพากษาขาดความน่าเชื่อถือ

"บางคนถูกตัดสินคดีความ แต่ไม่อยู่ยอมรับผิด เงินซื้ออะไรก็ได้หรือ แต่เงินซื้อความยุติธรรมในประเทศไทยไม่ได้ ถ้าพวกเราทุกคนไม่ยึดถืออำนาจศาล อำนาจตุลาการ อีกหน่อยคงมีโจรทั่วบ้านทั่วเมือง ใครมีเงิน ทำผิดไปต่างประเทศดีกว่า ท่านจะยอมให้ 3 เสาหลักถูกเซาะกร่อนหรือ แล้วบ้านหลังนี้จะอยู่อย่างไร" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ผบ.ทบ. กล่าวว่า สิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับเรื่องที่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ เป็นทฤษฎีสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) ซึ่งทฤษฎีนี้ไม่ได้ถูกอุปโลกขึ้น แต่ได้มีการศึกษาจากที่ประเทศต่างๆ ล่มสลายว่ามีสาเหตุเกิดจากอะไร ซึ่งสงครามลูกผสมนี้ เป็นการผสมผสานกันของเครื่องมือ ทั้งสงครามตามแบบและไม่ตามแบบ

1.กำลังทหารหลักที่ใช้ป้องกันปราบปรามความไม่สงบ รักษาเสถียรภาพ รวมกับมิตรประเทศ

2.หน่วยรบพิเศษ ต่อต้านก่อการร้ายในสงครามนอกแบบ

3.กองกำลังที่ไมใช่ทหาร เช่น กลุ่มก่อการร้าย การก่ออาชญากรรม มวลชนที่ต่อต้นอำนาจรัฐ ชายชุดดำ พวกที่ลอบวางระเบิด กทม.เป็นต้น

4. การสนับสนุนของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการสนบัสุนน เช่น นักการเมือง เศรษฐีที่บริจาคเงินให้ทำหนังสือพิมพ์ หรือเว็บไซต์ หรือเป็นแหล่งข่าวให้ฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น

5. สงครามข่าวสารข้อมูล และการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ในประเทศไทย และมีความน่าเป็นห่วง

นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีด้านไซเบอร์ ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลจาก Big Data นำไปใช้ในทางที่ผิด เพื่อหวังผลทางการเมือง รวมถึงสงครามเศรษฐกิจ โดยมีกลุ่มที่พยายามจะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ทางการเมือง เช่น มีการนำกลุ่มคนจนมาสร้างภาพว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งในข้อเท็จจริงรัฐบาลก็พยายามให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาโดยสุจริตใจ และทำเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ

"การโฆษณาชวนเชื่อยังมีกลุ่มคอมมิวนิสต์ที่ยังไม่กลับตัว มีแนวความคิดล้มล้างระบอบกษัตริย์ จะทำประเทศไทยให้กลับมาเป็นรูปแบบคอมมิวนิสต์ คนพวกนี้อายุเท่าไร พวกนี้ไม่ออกตัว แต่เป็นนักวิชาการ ถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น แล้วผนึกกำลังร่วมกับพวกอาจารย์ นักวิชาการที่ไร้จรรยาบรรณ...ผนวกความคิดกลุ่มมาสเตอร์มายด์ กลุ่มที่ไปเรียนต่อต่างประเทศในประเทศที่ล่าอาณานิคมที่เคยยึดประเทศไทย แล้วเอาความคิดมาผสมผสาน สร้างโฆษณาชวนเชื่อ เอาความคิดตัวเองผ่านโซเชียล ออกข่าวลวง

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ข่าว fakenews ทุกวันนี้มาเร็วกว่าเรื่องดี สงครามข้อมูลข่าวสารไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังสร้างสัญลักษณ์ เช่น เสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อดำ เสื้อสีรุ้ง ชู 3 นิ้ว เพื่อให้เกิดการจดจำว่าทำแบบนี้คือพวกเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีการใช้แนวทางการทูต โดยใช้องค์กรระหว่างประเทศมาเพื่อยกระดับเหตุการณ์ และความสำคัญของกลุ่มตัวเองขึ้นมา เหล่านี้อยู่ในวง Hybrid Warfare นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในไทย" ผบ.ทบ.กล่าว

พร้อมกันนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังขอให้ประชาชนคิดให้ดีว่าทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ เกิดความไม่สงบ จากเหตุพรรคการเมือง หรือหัวหน้าพรรคการเมืองใดก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วหนีหมด ทิ้งลูกน้องติดคุก ทิ้งลูกน้องสู้คดี ขึ้นศาล ส่วนคนที่มาร่วมชุมนุมก็กลับไปยากจนเหมือนเดิม ซึ่งนี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น

ผบ.ทบ. กล่าวว่า สิ่งที่ได้พูดมานี้ ไม่จำเป็นต้องเชื่อตนทั้งหมดก็ได้ แต่ขอตั้งคำถามว่าปัญหาเรื่องความมั่นคงจะให้ใครเข้ามาแก้ไข ใครที่จะมาเป็นผู้นำประเทศ ถ้าไม่ส่อว่ามีพฤติกรรมจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็สามารถเป็นผู้นำประเทศได้ และย้ำว่าเราอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ความคิดเห็นที่แตกต่างจะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในชาติ หรือนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน

"นักวิชาการ หรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับคอมมิวนิสต์เดิม เป็นมาสเตอร์มายด์คลังสมองร่วมกับนักเรียนนอก ซ้ายจัดดัดจริต ไปเรียนกับประเทศล่าอาณานิคม อบรมสั่งสอนไร้จรรยาบรรณ อ้างแต่ตัวเลข 2475 อ้างเป็นประชาธิปไตย แต่มีวาทะกรรมจาบจ้วง

หรือจะเลือกให้นักการเมืองบางคนที่มุ่งหาประโยชน์พวกพ้อง ไม่นึกถึงประโยชน์ชาติ นักการเมืองในพื้นที่ภาคใต้ที่เคยเกาะขานายทหารใหญ่เพื่อนพ่อผมตั้งพรรคการเมือง 20 ปีก่อน เอาศาสนาแบ่งแยกดินแดนมาหาเสียง หรือจะเชื่อนักการเมืองผึ้งแตกรังที่ลูกพี่ใหญ่หนีคดีไปต่างประเทศ

หรือจะเชื่อนักธุรกิจที่เกิดมาร่ำรวย คาบช้อนเงินช้อนทอง ชีวิตไม่เคยลำบาก เหมือนพวกฮ่องเต้ซินโดรม เคยชุมนมกับคนเผาบ้านเผาเมือง สมคบกับต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน ล้างสมองคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นฐานให้เข้าสู่การเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติสถาบัน...

ทั้ง 3 กลุ่มนี้ไม่ผิดถ้าจะมาเป็นผู้นำประเทศ เพราะประเทศไทยเคยมีคน 3 กลุ่มนี้มาบริหารประเทศ แต่ขอร้องว่า ถ้าไม่ส่อว่ามีพฤติกรรมจะเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไม่ส่อพฤติกรรมหาแต่ประโยชน์ตนเอง ก็เชิญเป็นได้" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ