(เพิ่มเติม) นายกฯ ยันมีมาตรการช่วยผู้ประสบอุทกภัยอย่างเหมาะสม เร่งจ่ายเงินเยียวยาภายในเดือนนี้

ข่าวการเมือง Friday October 11, 2019 17:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวกับประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานีในระหว่างนำคณะลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินการฟื้นฟู เยียวยา รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนและสถานที่สาธารณประโยชน์ พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ว่า รัฐบาลมีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่เหมาะสม พร้อมกำชับเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้เร็วที่สุดภายในสิ้นเดือนนี้

สำหรับการเดินทางมาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองเพื่อมาติดตามดูแลสถานการณ์ตามนโยบายของรัฐบาล รวมไปถึงที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือเพื่อแก้ปัญหามาโดยตลอด ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมาก็ได้มีการอนุมัติมาตรการที่เหมาะสมให้ความช่วยเหลือ และอนุมัติงบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของการให้ความช่วยเหลือครอบครัวละ 5000 บาท และงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะเดียวกันได้มีการช่วยเหลือในเรื่องของการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย รวมไปถึงรถยนต์ ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส รัดกุม

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้ประสบอุทกภัยตอนหนึ่งว่า มีแต่กำลังใจมามอบให้ และขอส่งกำลังใจให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยทั้ง 32 จังหวัดด้วย รวมถึงประเทศญี่ปุ่นที่คาดการณ์ว่าจะประสบภัยพายุในช่วงวันที่ 12-14 ต.ค.นี้

"ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา เพราะรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้เพียงตามลำพัง และขอให้ทุกคนมีกำลังใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็มีกำลังใจของนายกรัฐมนตรีเอง รัฐบาลยืนยันที่จะช่วยเหลือในทุกพื้นที่เพราะเป็นรัฐบาลไม่สามารถที่จะเลือกพื้นที่ได้ แม้ว่าพื้นที่นั้นจะเป็นพื้นที่ของใครก็ตามและยินดีที่จะพูดคุยกับทุกพรรคการเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศ แต่จะต้องอยู่ในช่องทางที่ถูกต้อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ผู้ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งเสริมมาตรการที่เหมาะสมในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ โดยได้มีการอนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผ่านมาตรการต่างๆ และเร่งการเบิกจ่ายเงินเยียวยาให้เร็วที่สุด หากเป็นไปได้ขอให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้

ขณะนี้กำลังศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาของประเทศจีนที่สามารถเพิ่มรายได้ประชาชน และหลุดพ้นจากปัญหาความยากจนได้หลายล้านคนภายในเวลาไม่กี่ปี แต่วิธีการนั้นเราต้องมาดูว่า เราทำได้แค่ไหน ทำไม่ได้แค่ไหน มันแตกต่างกันอย่างไร ในระบอบประชาธิปไตยของเรา กับสังคมนิยมประชาธิปไตย บางทีมันต่างกัน แต่ทั้งหมดอย่าไปคำนึงถึงว่ามันจะเป็นระบอบอะไรเลย เอาแค่ว่า เราร่วมมือกันทำในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติต่อตัวเองและครอบครัว นั่นคือประชาธิปไตยแล้ว

"ถ้าจะเอาประชาธิปไตยไปอีกจนกระทั่งไร้ขีดจำกัด นั่นก็ต้องไปดูสิว่า ประชาชนเขาว่ายังไง เขาพร้อมจะไปถึงตรงนั้นแล้วหรือยัง ผมไม่สามารถไปก้าวล่วง ก้าวล้ำ ท่านได้ สิทธิของท่าน แต่อย่าลืมว่าต้องมีหน้าที่ ความรับผิดชอบ จิตสำนึกและอุดมการณ์ ความรักชาติ ประเทศไทยผ่านวันเวลาต่างๆมายาวนานแล้ว กว่าจะเป็นเราวันนี้ หลายร้อยปีแล้ว แล้วพวกเรายังต้องสร้างคนสร้างชาติต่อไปอีกในวันข้างหน้า อีกหลายร้อยปี เราต้องสร้างชาติเราให้มั่นคงให้เข้มแข็ง อย่าไปหลงเชื่อการปลุกปั่นให้ร้ายต่างๆทำให้เกิดความเกลียดชังกัน มันต้องไม่เกิดขึ้นอีก ถึงจะแก้ปัญหาประเทศนี้ได้ แต่ผมชื่อว่าพวกเราใจสู้อยู่แล้ว คนไทยใจสู้ใช่หรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองก็มีชีวิตมาอย่างนี้ โตขึ้นมา บางเวลาก็อ่อนแอ อ่อนไหวแต่ถึงเวลาก็ต้องสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นรัฐบาลเป็นข้าราชการเราต้องทำเพื่อคนอื่น และทำในสิ่งที่ถูกต้อง และวิธีที่ถูกต้องด้วย การทำให้คนรักนะมันง่าย แต่มันรักชั่วคราวหรือเปล่า ทำความเสียหายให้กับประเทศชาติหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่ตนเองคำนึงเสมอมา ทุกพื้นที่ทั้งประเทศ เพราะรัฐบาลนี้ประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง เรารักกันดีมาตลอด เมื่อลงมาเยี่ยมเยียนทุกท่านมารับฟังความคิดเห็นฝ่ายค้านเราก็รับฟัง หลายอย่างที่ส.ส.เขาพูดในสภาขอถนนขอน้ำขอไฟหลายอย่าง ตนเองก็ดูให้ สั่งหน่วยงานไปดูให้ รวมถึงข้อเรียกร้องต่างๆทั้งในโซเชียล และในสื่อ บางทีก็สร้างความเข้าใจผิดกัน สังคมก็เกลียดกัน เราเกลียดกันไม่ได้อีกแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เราต้องให้กำลังใจประเทศญี่ปุ่นด้วย ที่กำลังจะถูกพายุไต้ฝุ่นเข้าพื้นที่ ซึ่งได้เตรียมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และจะส่งกำลังใจไปให้ด้วย เพราะถือว่าเราเป็นเพื่อนกันและจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันและในเดือนหน้า เราก็เตรียมที่จะเป็นประธานประชุมอาเซียน ขณะที่ปลายเดือนนี้ตนเองจะต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมพระราชพิธี

"ขอประชาชนให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แจ้งกับส่วนท้องถิ่นและผู้ว่าราชการจังหวัดได้เลย เพียงให้ประชาชนมีความเข้มแข็งมีกำลังใจที่ดีในการต่อสู้กับอุทกภัย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ฝากไปถึงนักการเมืองว่า ขอให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาประชาชน ร่วมมือกันเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า โดยรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนทั้งประเทศให้มีความกินดีอยู่ดี กำลังศึกษาแนวทางของจีนในการเพิ่มรายได้ประชาชน ขณะเดียวกันขอให้ประชาชนร่วมมือกันทำในสิ่งที่ดีงามเกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ มีความรับผิดชอบ จิตสำนึก ความรักชาติ และอย่าลืมหน้าที่ทุกคนต้องร่วมมือกันสร้างชาติให้แข็งแรงและมั่นคง

สำหรับสถานการณ์ล่าสุด แม่น้ำมูลได้กลับเข้าสู่ระดับตลิ่ง ลดต่ำกว่าตลิ่ง 4.14 เมตร ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางจังหวัดได้เร่งระดมทุกภาคส่วน รวมถึงจิตอาสาช่วยกันฟื้นฟูเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยได้จัดกิจกรรม Kick off ปฏิบัติการสูบน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขัง ทำความสะอาด เก็บกวาดขยะ และตรวจสอบความเสียหาย รวมทั้งแก้ไขปัญหาน้ำเสียอย่างต่อเนื่อง

จังหวัดได้ดำเนินการสำรวจความเสียหายบ้านเรือนพบว่า มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวน 20,675 ครัวเรือน ได้รับดูแลตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือฯ ครัวเรือนละ 5,000 บาท และอยู่ในระหว่างสำรวจเพิ่มเติมบ้านเรือนที่เสียหายจำนวน 16,245 หลัง แบ่งออกเป็น เสียหายทั้งหลังจำนวน 3 หลัง เสียหายมากจำนวน 7,567 หลัง เสียหายน้อยจำนวน 8,675 หลัง ซึ่งได้ซ่อมแซมแล้วจำนวน 2,002 หลัง

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปยังวัดท่ากกแห่ ตำบลจะระแม เพื่อกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดท่ากกแห่ พร้อมถวายจตุปัจจัย และมอบของให้ผู้ประสบภัย พร้อมเดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ โดยกล่าวว่า "ขอบคุณทุกคนที่มาช่วยกัน ผมต้องการให้น้ำท่วมครั้งนี้ ล้างใจให้ทุกคนสะอาด ความบาดหมางจากนี้ไปจะไม่มีแล้ว เกลียดกันไปก็ไม่ได้ประโยชน์"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ